ศึกษาการทำธุรกิจแบบ O&B รองเท้า 50 เฉดสีขวัญใจสาวๆ

คงไม่มีสาวๆ คนไหนไม่รู้จักแบรนด์ O&B รองเท้าคัทชูหลากสีสัน ที่เริ่มต้นจากร้านค้าออนไลน์ เติบโตจนมีหน้าร้าน โดยก้าวต่อไปพร้อมที่หานักลงทุนเพื่อสยายปีกไปไกลยังต่างแดน

รรินทร์ ทองมา เจ้าของแบรนด์ O&B

เริ่มต้นจากเงินทุน 90,000 บาท ต่อยอดเป็น 150 ล้านบาท

เชื่อว่าสาวๆ คงคุ้นเคยกับแบรนด์ O&B กันมาบ้าง ถ้าไม่เคยอุดหนุน ก็น่าจะเคยเห็นผ่านตาจากหน้าเฟซบุ๊กกันมาบ้าง เพราะ O&B เป็นแบรนด์ที่เรียกว่าเติบโตมาจากร้านค้าออนไลน์ เป็นธุรกิจ SME ที่มีเงินทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 90,000 บาทเท่านั้น จนในปัจจุบันสร้างรายได้ทะลุ 150 ล้านบาท แถมไม่ได้เริ่มจากการขายรองเท้ามาก่อนด้วย

รรินทร์ ทองมา เจ้าของแบรนด์ O&B ได้เกริ่นถึงความเป็นมาของแบรนด์ก่อน ได้เล่าว่า

“ตอนแรกไม่ได้ทำรองเท้า เริ่มต้นจากขายกระเป๋าชื่อแบรนด์ Bag book ที่ทำขายเองเพราะตอนนั้นไม่มีไซส์ที่ต้องการ และไม่มีคนขายด้วย เริ่มจากขายในเฟซบุ๊กก่อน เป็นช่วงที่คนเริ่มมาขายของในเฟสบุ๊กเยอะด้วย พอขายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีคนถามถึงรองเท้า เพราะกระเป๋าเป็นอะไรที่คู่กับรองเท้า แล้วพอทำรองเท้าขายก็พบว่าขายรองเท้าได้ดีกว่า อาจจะเป็นเพราะผู้หญิงชอบซื้อรองเท้า เปลี่ยนรองเท้าบ่อยด้วย ทำให้ยอดขายเติบโต ลูกค้าก็รู้จักจากแบรนด์รองเท้า”

ส่วนชื่อแบรนด์ O&B ก็ได้มาเปลี่ยนทีหลัง จากตอนแรกที่เป็นแบรนด์กระเป๋าชื่อ Bag book เพราะต้องการเป็นชื่อง่ายๆ แต่ตอนหลังที่เริ่มมาขายรองเท้ามากขึ้นก็พบว่าเป็นชื่อเฉพาะเกินไปสำหรับกระเป๋า เลยเปลี่ยนเป็น Other and Book หรือ O&B ในปัจจุบัน

รรินทร์เป็นนักธุรกิจสาวรุ่นใหม่วัย 34 ปีได้เริ่มต้นทำธุรกิจนี้เมื่ออายุ 27 ปี หรือเมื่อ 7 ปีก่อน เริ่มจากธุรกิจ SME ด้วยเงินลงทุน 90,000 บาท มีพนักงานเพียงแค่ 2 คน จนถึงปัจจุบันมีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 40 คนแล้ว

รรินทร์จบการศึกษาด้าน Product Design จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เคยมีประสบการณ์ทำงานที่ King Power แล้วไปเรียนต่อด้าน Fashion Marketing and Retail Management ที่มิลาน ทำให้ได้เห็นโลกแฟชั่นในมุมกว้างขึ้น และเป็นคนชอบธุรกิจสร้างสรรค์ ไลฟ์สไตล์ แฟชั่นอยู่แล้ว

ทำไมต้องมีรองเท้า 50 เฉดสี?

จุดเด่นของแบรนด์ O&B ที่ใครๆ พูดถึงคงเป็นเรื่องของความนุ่มของรองเท้าที่ใช้หนังแท้ สามารถใส่ทำงานก็ได้ หรือใส่เที่ยวก็ได้ รวมไปถึงเรื่องของ “สีสัน” ของรองเท้า สามารถพูดได้ว่ามีมากที่สุดในตลาด เพราะมีให้เลือกถึง 50 เฉดสี ที่มาที่ไปของการทำสีเยอะๆ นั้นล้วนมาจากความชอบส่วนตัวของรรินทร์ล้วนๆ และความเข้าใจผู้หญิงที่ต้องที่รองเท้าหลายสี ของมันต้องมี!

ในตอนแรก O&B เริ่มต้นจากการทำรองเท้า 5 สีก่อน เป็นสีพื้นๆ ที่ทุกคนสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวัน อย่างสีดำ เทา ส้ม แดง และครีม แล้วก็ค่อยเพิ่มเป็น 10 สี 30 สี จนมาถึง 50 สีในปัจจุบัน

“ด้วยความชอบส่วนตัวของเรา และความบ้าบิ่นด้วยที่รู้สึกว่าอยากจะให้ลูกค้ามากกว่า 5 สี เป็นการคิดเกินต้นทุน จาก 5 สี เริ่มเพิ่มเป็น 10 สี 30 สี ไปจนถึง 50 สี มองในแง่ของคนซื้อว่าอยากได้อะไรมากกว่า จริงๆ มีสต็อกสินค้าเยอะมาก มีทั้งหมด 11 ไซส์ แบบละ 10-20 สี แต่อยากให้คนซื้อสนุกมากกว่า

เรารู้สึกว่ารองเท้ามันดีเกินกว่าจะมีแค่คู่เดียว ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอะไรแล้วจะซื้อทุกสีอยู่แล้วด้วย ถ้าเจออะไรที่ชอบแล้วต้องเหมาทุกสี รองเท้าต้องแมทช์กับเสื้อผ้า ทำให้การแต่งตัวสนุกขึ้น แบรนด์อื่นๆ ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าคนซื้อต้องการอะไร มันยากที่จะรู้ใจผู้หญิงทั้งหมด” 

50 เฉดสี แล้วมีวิธีการจัดการสต็อกอย่างไร

เมื่อรองเท้าเป็นไอเท็มที่ต้องมีหลายไซส์ แล้วยิ่งมีสีที่มากถึง 50 สี คำถามคือ O&B มีวิธีการบริหารสต็อกอย่างไร?

รรินทร์บอกว่า ถือเป็นประสบการณ์ในการทำงาน ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำอย่างไร แต่พอทำไปเรื่อยๆ จะมีข้อมูลจากการสั่งสินค้าของลูกค้า สั่งสมประสบการณ์เรื่อยๆ พออยู่ในธุรกิจสักพักจะจับทางได้ การที่จะเป็นแบรนด์ออนไลน์ และต้องการจะเติบโตในอนาคต ต้องมีการเก็บดาต้า และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์

ถ้าถามว่าใน 50 สีนั้น สีไหนที่ขายดีที่สุด รรินทร์บอกว่าจริงๆ ใน 50 สีขายได้หมดทุกสี ลูกค้าซื้อทุกสี แต่สีที่ขายดีหน่อยอาจจะเป็นสีที่ใส่ทำงานได้ สีพื้นๆ แต่สีอื่นๆ ก็ขายได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องรู้วิธีพรีเซนต์สินค้า พอถึงระดับหนึ่งลูกค้าเชื่อใจ ใช้เรื่องบริการให้ลูกค้า ลูกค้าจะไว้ใจในแบรนด์ ตอนนี้มีลูกค้าประจำที่ซื้อซ้ำ 50% ทุกวันนี้มีลอยัลตี้ต่อแบรนด์สินค้าน้อย แต่ลูกค้าก็ยังซื้อ บางคนซื้อทีละ 5 คู่ หรือ 10 คู่ก็มี

7 ปีแล้ว ต้องเป็น Omni Channel

ในปีนี้ O&B ก้าวสู่ปีที่ 7 แล้ว จากแบรนด์ที่โตจากธุรกิจออนไลน์มีแผนที่จะขยับขยายเป็น Omni Channel แบบเต็มตัวเพื่อการเติบโตในอนาคต ตอนนี้มีหน้าร้านเพียงแค่แห่งเดียวคือที่อารีย์ ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 5 สาขา เป็นเส้นทางรถไฟฟ้า BTS ทั้งหมด เริ่มจากเปิดแฟล็กชิพสโตร์ที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม ต่อด้วยเซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลลาดพร้าว และปลายปีเปิดอีก 2 สาขา

“กลยุทธ์ในปีนี้คือ เริ่มทำช่องทางรีเทลออฟไลน์มากขึ้น ต้องทำเป็น Omni Channel ให้ออนไลน์เป็นเหมือนช่องทาง Distribution ตอนนี้ตัวแบรนด์เริ่มขยายตลาดไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขยายผ่านช่องทางต่างๆ แบรนด์มีศักยภาพมาก เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก”

ถึงเวลาขยายตัวให้ใหญ่ขึ้น

ก้าวสำคัญของแบรนด์ O&B ในปีที่ผ่านมาก็คือการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองประกวดนางงาม Miss Universe ได้ทำรองเท้าให้กองประกวด Miss Universe ทำให้คนกว่าพันล้านคนได้เห็นรองเท้าบนเวที แบรนด์ถูกขยายในแง่นานาชาติ สร้างสีสันวงการนางงาม และแฟชั่น ยิ่งมีการพูดถึงอย่างมากในเขตประเทศนางงาม อเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เริ่มมีนักลงทุนให้ความสนใจในการร่วมธุรกิจ ซึ่งรรินทร์เองก็มีความสนใจที่จะหานักลงทุนร่วมอยุ่แล้ว

“เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเริ่มมีนักลงทุนทั้งญี่ปุ่น และไทยต้องการมาร่วมทุนด้วย โมเดลธุรกิจมีหลายแบบ ส่วนใหญ่เป็นร่วมหุ้น เพราะเขามองว่ามีโอกาสการเติบโตสูง ตอนนี้มีคุยกับนักลงทุนหลายราย จะมองแผนขยายตลาดต่างประเทศ เราต้องเลือกนักลงทุนที่เข้าใจเราจริงๆ เหมาะสมกับอนาคตที่จะเติบโต ต้องซัพพอร์ตเรื่อง Know How ที่จะพัฒนาธุรกิจได้”

Q&B รุ่น Angel Heels

เมื่อดูเรื่องของรายได้ของ O&B ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปีแรกมีรายได้ 500,000 บาท ปีถัดมามีรายได้ 10 ล้านบาท และในปี 2018 มีรายได้ 150 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตที่ 100% หรือมีรายได้ 400 ล้านบาท

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา