ถือเป็นการบุกตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เต็มตัว หลัง Nissin ตั้งกิจการร่วมค้ากับผู้เล่นยักษ์ใหญ่ที่เมียนมา เพื่อสร้างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ใหม่ในชื่อ Wah-Lah พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านซองในปี 2563
ปูพรมตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครบทุกที่
ก่อนหน้านี้ Nissin ได้เข้ามาทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกือบทุกประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม แต่ยังไม่ได้รุกตลาดประเทศที่กำลังเติบโตมากที่สุดในย่านนี้อย่างเมียนมา ทำให้ล่าสุดยักษ์ใหญ่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายนี้ตัดสินใจบุกตลาดดังกล่าวเต็มตัว
สำหรับการเข้ามาทำตลาดที่เมียนมา Nissin ใช้วิธีเซ็นสัญญากิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับ Lluvia หนึ่งในธุรกิจสินค้าบริโภคยักษ์ใหญ่ของเมียนมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2560 เพื่อสร้างโรงงาน และผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรน์ Wah-Lah ที่ในภาษาท้องถิ่นหมายถึง “คุณกินอะไรหรือยัง?”
ปัจจุบันตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบแบรนด์ดังกล่าวก็ออกมาวางขายอย่างเป็นทางการแล้ว มี 2 รสชาติที่อ้างอิงจากอาหารท้องถิ่น ราคาซองละ 200-300 จ๊าต (ราว 4-6 บาท) และเตรียมเปิด 2 รสชาติใหม่คือไก่เผ็ดซอสกิมจิ และน้ำมันงา ก่อนที่อนาคตอันใกล้จะมีให้เลือกทั้งหมด 10 รสชาติ เพื่อทำยอดขาย 100 ล้านซองในปี 2563 ตามเป้า
Hiroyuki Arai ผู้จัดการทั่วไปของ Wah-Lah เล่าให้ฟังว่า ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เมียนมานั้นมีกว่า 590 ล้านซองในปี 2560 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2556 และคิดเป็นตลาดที่ใหญ่อันดับ 17 ของโลก จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของบริษัทในการเข้ามาบุกตลาดนี้
อย่างไรก้ตามตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเมียนมานั้นถูกครองด้วยแบรนด์ท้องถิ่น รวมถึงแบรนด์จากประเทศไทย ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่ Nissin จะเข้ามาเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนี้ได้เหมือนที่สำเร็จในประเทศญี่ปุ่น เพราะคนในระแวกนี้นิยมรสชาติแบบท้องถิ่น ซึ่งยักษ์ใหญ่รายนี้ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก
สรุป
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เพราะด้วยราคาที่เหมาะสมกับค่าครองชีพของคนส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ ทำให้ใครสามารถชนะในตลาดนี้ได้ ก็น่าจะครองเบอร์หนึ่งไปได้ยาวๆ ซึ่งพอ Nissin เข้ามารุกตลาดเมียนมา เชื่อว่า “มาม่า” และแบรนด์ไทยรายอื่นๆ คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง // Japan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา