เปิดประสบการณ์ 10 นาที กับการขับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น LEAF ของ Nissan | BI Opinion

หลัง MG เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น MG ZS EV ทาง Nissan ก็ไม่รอช้าที่จะกระตุ้นการรับรู้ของรุ่น LEAF ทำให้ทาง Brand Inside มีโอกาสได้ขับขี่เจ้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก แต่จะเป็นอย่างไรนั้นต้องไปดูกัน

Nissan LEAF

C-Segment ที่ซิ่ง และโฉบเฉี่ยว

แรกเห็น Nissan LEAF อย่างใกล้ชิดจะรู้สึกเลยว่ามันคือรถยนต์กลุ่ม C-Segment เพราะขนาดไม่ต่างกับ Toyota Altis, Honda Civic หรือ Mazda 3 มากนัก ผ่านมิติภายนอกที่ 4,480 × 1,790 × 1,540 มม. แต่ด้วยการออกแบบให้ Sport ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นแรกที่ขายเมื่อปี 2553 ทำให้เวลาขับบนท้องถนนก็เท่ไปกับเพื่อนรุ่นอื่นได้

อย่างไรก็ตาม Nissan LEAF คือรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ Battery Electric Vehicle (BEV) ทำให้รูปแบบการขับขี่นั้นต่างกับ C-Segment ของญี่ปุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะแรงบิด 320 นิวตันเมตรที่มาตั้งแต่เริ่มเหยียบคันเร่ง ไม่ต้องรอรอบเหมือนรถยนต์น้ำมันทั่วไป

Nissan LEAF
ตัวชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าของ Nissan LEAF

ที่สำคัญในทางวิศวกรรมนั้นการจะรีดแรงบิดออกมามากขนาดนี้ได้ต้องใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ซึ่งมักจะวางในกลุ่มรถยนต์ D-Segment หรือรถยนต์สมรรถนะสูง ส่วนแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 110 แรงม้า จึงไม่แปลกที่เจ้ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น LEAF ของ Nissan จะขับขี่ได้อย่างสนุกเมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมันในกลุ่มเดียวกัน

ห้องโดยสารที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป

เมื่อเป็นรถยนต์กลุ่ม C-Segment ความคาดหวังในเรื่องห้องโดยสารก็คงไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่พอไปนั่งจริงๆ ตัวที่นั่งผู้ขับก็ค่อนข้างนั่งสบาย และมีพวกมาลัยแบบตัว D ตามสมัยนิยม ติดอยู่แค่เรื่องเบาะนั่งที่ต้องปรับมือ ไม่ใช่ปรับไฟฟ้าเพียงแค่นั้น

nissan leaf
ตัวห้องโดยสารของ Nissan LEAF

ส่วนที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังตัวเบาะมีความชันเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งสบายอยู่ พร้อมกับมี Leg Room ที่ให้ยืดเส้นยืดสายได้พอประมาณ ที่สำคัญยังติดตั้งระบบ ISOFIX ทำให้คนที่มีครอบครัวสามารถติดตั้ง Car Seat ที่มีระบบนี้ได้แบบง่ายๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ที่ใส่สัมภาระด้านหลังเมื่อลองมองดูผ่านๆ อาจดูแคบไปสักนิด แต่เมื่อไปดูใกล้ๆ พร้อมลองหยิบจับของภายในกระโปรงหลังก็รู้สึกว่าค่อนข้างกว้างพอสมควร เนื่องจากตัว Nissan LEAF นั้นออกแบบมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ทำให้การจัดวางแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ได้กระทบต่อการเก็บสัมภาระด้านหลังแต่อย่างใด

nissan leaf
พื้นที่ด้านหลังของ Nissan LEAF

เทคโนโลยีล้ำๆ ที่อัดแน่นเอาไว้ภายใน

ด้านเทคโนโลยีนั้น Nissan LEAF นอกจากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยังติดตั้งระบบ e-Padal ที่มีแต่รถยนต์รุ่นนี้ที่มี โดยตัวเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น เพราะเพียงแค่คุณยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวระบบก็จะช่วยเบรกอัตโนมัติ เหมาะแก่การใช้ในสภาพรถติดๆ ในกรุงเทพเป็นอย่างดี แต่ก่อนเปิดใช้งานควรฝึกให้ชินก่อน

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัยก็มีทั้งระบบเบรกฉุกเฉิน, ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง รวมถึงถุงลมนิรภัย 6 จุด และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทางที่ปัจจุบันก็มีติดตั้งในรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ Nissan ที่ทำตลาดในประเทศไทยแล้ว แต่ไม่มีระบบ Pro Pilot หรือการนำทางอัตโนมัติที่ติดตั้งใน LEAF ที่ทำตลาดในญี่ปุ่น

nissan leaf
การชาร์จไฟของ Nissan LEAF

ทั้งนี้ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงความรู้สึกของผู้เขียนที่ได้ทดลองขับ Nissan LEAF ไม่ถึง 10 นาทีบนสนามที่กำหนด ทำให้อาจไม่ทราบถึงประสิทธิภาพทั้งหมดของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นนี้ แต่ทาง Nissan นั้นเคลมว่า LEAF สามารถวิ่งได้ทั้งวันในกรุงเทพ เพราะมีแบตเตอรี่ความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 311 กม.

สรุป

ค่าตัว 1.99 ล้านบาทของ Nissan LEAF นั้นอาจดูแพงเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของจีน และเกาหลีใต้ แต่ด้วยการนำเข้าทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้การันตีเรื่องวัสดุ และการประกอบว่ามีคุณภาพสูงแน่ๆ ส่วนใครที่กลัวว่าใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วจะเกิดไฟรั่ว ผมมองว่าคิดข้ามเรื่องนี้ไปเลยดีกว่าถ้าสนใจจะซื้อจริงๆ

*ข้อมูลเพิ่มเติม // Nissan มีจำหน่าย Wall Charge สำหรับชาร์จที่บ้านราคา 72,000 บาท ช่วยให้ชาร์จเต็มภายใน 6 ชม. เมื่อเทียบกับสายชาร์จแบบเสียบปลั๊กที่บ้านที่ชาร์จเต็ม 12 ชม.

ส่วนที่ราคาแพงเพราะเจอภาษีนำเข้า 20% เมื่อรวมกับภาษีสรรพสามิต, ภาษีมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ทำให้ราคาจบที่ 1.99 ล้านบาท ปัจจุบันหาซื้อได้แค่ดีลเลอร์ Nissan 33 รายทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา