สถานการณ์ไฟป่าของไทยในปีนี้ แม้ว่าจะไม่ร้อนแรงเท่าปีก่อน และยังโดนแผ่นดินไหวแซงหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ และยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุของฝุ่น PM2.5 ด้วย ยิ่งเมื่อผ่านเข้ากลางหน้าแล้ง ความร้อนระอุยิ่งทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าพุ่งสูงขึ้น หน่วยเหยี่ยวไฟ หรือชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมป่าไม้ ซึ่งทำหน้าที่ทั้งป้องกันและดับไฟป่าจึงมีภาระหนักที่ไม่มีวันสิ้นสุดและต้องการการสนับสนุนจากคนข้างหลังอย่างต่อเนื่อง

อุปสรรคใหญ่ของการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า คือ การเดินทาง จุดที่เกิดไฟป่าส่วนมากอยู่ในป่าลึก บนเขาสูง หรือในหุบเขา การเดินทางยากลำบาก แต่เจ้าหน้าที่ต้องแข่งกับเวลา พยายามเข้าไปถึงจุดที่เกิดไฟป่าให้เร็วที่สุดเพื่อพยายามจำกัดความเสียหายของป่าให้น้อยที่สุด ยิ่งในฤดูร้อนที่อากาศร้อน การต้องเข้าไปสู้กับไฟ ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก การทำงานของหน่วยเหยี่ยวไฟต้องอาศัยความทุ่มเทเป็นอย่างมาก
“เมื่อปฏิบัติงานแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ของเราต้องกินต้องนอนอยู่ในป่าหลายวัน ออกมาไม่ได้ ต้องอยู่ทำภารกิจจนไฟดับสนิทถึงจะออกมาได้ การสนับสนุนจากพันธมิตรต่างๆ เช่น ยานพาหนะ อุปกรณ์ในการทำงาน นอกจากจะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ของเราเป็นอย่างมาก ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว และพร้อมที่จะเผชิญกับไฟป่า พร้อมจะทำงานกันอย่างเต็มที่” ธวัชชัย ธนะโรจน์รุ่งเรือง ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ เล่าให้ฟัง
จากสถิติของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบว่า สถานการณ์ไฟป่าปีนี้ รุนแรงน้อยกว่าปีก่อนเป็นอย่างมาก ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 10 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีการดับไฟป่าทั่วประเทศ 269 ครั้ง คิดเป็นพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ 6,969.93 ไร่ เทียบกับช่วงระหว่าง 1 ตุลาคม 2566-10 กุมภาพันธ์ 2567 มีการดับไฟป่าทั่วประเทศ 863 ครั้ง รวมพื้นที่ที่ถูกไฟป่าทำลาย 25,734.02 ไร่ แต่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณว่าไฟป่ากำลังกลับมารุนแรงมากขึ้น และเริ่มขยายวงกว้างขึ้น

ในแต่ละปี จำนวนไฟป่าที่เกิดขึ้นมากน้อย ขึ้นกับหลายปัจจัย โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศ ถ้าเป็นช่วงเอลนีโญซึ่งจะร้อนและแล้งนาน มักมีไฟป่าเกิดบ่อยกว่าในช่วงลานีญ่าที่อากาศจะไม่ร้อนเท่า แต่ผลกระทบในวงกว้างที่คนเมืองซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตรสามารถสัมผัสได้ คือ ปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่จะเพิ่มขึ้นมากพร้อมๆ กับการเกิดไฟป่า
ความตื่นตัวเรื่องฝุ่น PM2.5 นี่เอง ที่เริ่มทำให้คนเมืองตระหนักถึงผลกระทบจากไฟป่า และหันมาให้ความสนใจ เริ่มมีการให้การสนับสนุนด้านการป้องกันไฟป่ากันมากขึ้น อย่างเช่นนิสสัน ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นที่อยู่ในเมืองไทยมานานถึง 8 ทศวรรษ ได้สนับสนุนทีมเหยี่ยวไฟอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 แล้วในโอกาส “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดที่เกิดไฟป่า รวมทั้งขนย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นเข้าสู่พื้นที่ได้รวดเร็ว สะดวกยิ่งขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยให้กับทีมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
นิสสันเริ่มต้นจากการสนับสนุนรถกระบะ “นิสสัน นาวารา PRO-4X” ที่ “ทน พร้อม ลุย ด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ให้กำลังสูงสุด 190 hp (Ps) และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตันเมตร (Nm) มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่และความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน และความสามารถในการบรรทุกหนักและการใช้งานที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่ง เพราะโครงสร้างโมโนเฟรมแชสซีทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคัน (Fully Boxed Frame) นอกจากนี้ยังใช้งานได้สะดวก ด้วยบันไดในตัวที่กันชนหลังช่วยให้เข้าออกกระบะท้ายได้ง่าย ฝาท้ายแบบผ่อนแรง จุดยึดของรอบๆ ทั้งที่ด้านล่างและที่รางแบบเลื่อนปรับได้
อัจจิมา วรรณพินทุ รองประธานสายงานการตลาด นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “นิสสัน ไม่ได้สร้างเพียงรถที่ทำให้คนมีความสุขในการขับขี่ แต่เรายังยินดีสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผืนป่า ให้ทำงานได้สะดวก รวดเร็ว แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราทุกคนได้มีป่าไม้ที่สมบูรณ์ และใช้ชีวิตกันได้อย่างมีความสุข”

ในการสนับสนุนทีมเหยี่ยวไฟ นิสสัน ได้ร่วมมือกับผู้จำหน่ายในพื้นที่ในการให้การดูแลรถตลอดระยะเวลาการใช้งาน รวมทั้งยังได้มีการชักชวนพนักงานของนิสสันและผู้จำหน่าย ให้ร่วมกิจกรรมสนับสนุนอื่นๆ ด้วย โดยได้ร่วมกันสร้างฝายชะลอน้ำที่บ้านแม่ตะไคร้ จ. เชียงใหม่ไปเมื่อปี 2567 ในปัจจุบัน ฝายชะลอน้ำแห่งนี้ยังคงมีสภาพดี ซับน้ำได้ดีเมื่อเวลามีน้ำป่าไหลหลาก สามารถบรรเทาการชะล้างหน้าดิน เก็บความชุ่มชื้นได้มากขึ้น ทำให้ต้นไม้บริเวณรอบๆ เจริญเติบโตได้ดี
จุลนิตย์ วังวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามนิสสันชียงใหม่ จำกัด กล่าวว่าบริษัทฯ และพนักงานยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมสนับสนุนกิจกรรมป้องกันไฟป่า “เราขอบคุณหน่วยเหยี่ยวไฟและกรมป่าไม้ที่ทำงานแบบปิดทองหลังพระมาตลอด ทำงานหนักเพื่อดูแลป่าผืนใหญ่ทั่วภาคเหนือ ขอขอบคุณแทนทุกคนในพื้นที่ที่หน่วยเหยี่ยวไฟได้ทำภารกิจใหญ่นี้ให้เรา”
อำพล ซ่ามู พนักงานดับไฟป่า กล่าวว่า “พวกผมเลือกแล้วที่จะปกป้องผืนป่า อยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลป่า เหมือนที่พวกผมทำ เพื่อให้ป่าของเรายังคงสวยงาม มีคนมาเที่ยวมาชื่นชมป่าบ้านเรากันมากๆ นาน”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related