Nissan เพิ่มความสำคัญกับตลาดจีนด้วยการยกระดับไลน์การผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปภายในที่ทำตลาดอยู่เดิม รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ Hybrid รูปแบบต่าง ๆ ไปพัฒนา และผลิตในประเทศจีนเพื่อส่งออกไปทำตลาดทั่วโลก ทั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชิงหวา หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชีย เพื่อตั้งศูนย์วิจัย และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
Nissan ให้ความสำคัญกับประเทศจีน
Masashi Matsuyama ผู้อำนวยการ Nissan Motor และ ประธาน Nissan ประเทศจีน แจ้งว่า Nissan กำลังพิจารณาพัฒนา และผลิตรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ซึ่งหมายถึงรถยนต์เครื่องสันดาปภายในที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และไฮบริด ในประเทศจีนมากขึ้น เพื่อส่งออกไปทำตลาดในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ปัจจุบัน Nissan ประเทศจีน มียอดขายเป็นอันดับ 5 เมื่อเทียบกับยอดขายทั่วโลก ผ่านยอดขาย 2.8 ล้านคัน เมื่อนับช่วง 10 เดือนแรกของปี 2023 นอกจากนี้ Nissan ยังประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชิงหวา หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียจากประเทศจีน เพื่อตั้งศูนย์วิจัย และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
ความร่วมมือดังกล่าวจะครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาระบบชาร์จ, การบริหารแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใช้แล้ว รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายคือ ทำให้ Nissan มีความแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ในประเทศจีนมากขึ้น ผ่านการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่นี้ให้ได้
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ครั้งแรกที่ Nissan ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชิงหวา เพราะเมื่อปี 2016 ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเดินทาง รวมถึงระบบรถยนต์ไร้คนขับ แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการทำตลาดที่ประเทศจีน
- Best Car รายงาน: Nissan เตรียมคืนชีพ Skyline ให้กลับมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Fastback SUV
- GWM ยอดขายปี 65 โต 213.8% ฟาก MG ลดลง 12% รถจีนไล่กินแชร์จากญี่ปุ่น Nissan อาการหนักสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเพิ่มกำลังพัฒนา และผลิตรถยนต์ของ Nissan ในประเทศจีน ถือเป็นกลยุทธ์ที่คล้ายกับค่ายรถอื่น ๆ เช่น Tesla, BMW และ Ford ที่เพิ่มกำลังผลิตที่นั่น และให้จีนเป็นฐานการส่งออกหลัก เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า
แต่ในุมเพิ่มความแข็งแกร่งในประเทศจีนที่เป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 ของโลก Nissan และแบรนด์ต่าง ๆ ต้องเผชิญความท้าทายผ่านความแข็งแกร่งของแบรนด์รถยนต์ท้องถิ่น รวมถึงการทำสงครามราคาของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นต่าง ๆ เพื่อจูงใจผู้บริโภคในจีน
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา