Carlos Ghosn โดนจับทำ Nissan ปิดปีไม่สวย ผ่านผลงานกำไรลดลง 45% เหลือ 91,000 ล้านบาท

หลังจาก Carlos Ghosn อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi ถูกจับ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเป็นแย่ลง โดยเฉพาะกับฝั่ง Nissan เองที่เสียศูนย์จนรายได้ และกำไรหดตัวอย่างแรง

Nissan
Nissan

กำไรลดลง 45% ส่วนรายได้ลด 3%

เรียกว่าอาการหนักจริงๆ สำหรับ Nissan เพราะพอ Carlos Ghosn ถูกจับเมื่อเดือนพ.ย. 2561 ทุกอย่างก็เหมือนจะพังไปหมด แถมตรวจพบสิ่งแย่ๆ ที่อยู่ใต้พรมจำนวนมาก และนั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นปัญหาที่ส่งผลมาถึงตัวรายได้, กำไร และยอดขายรถยนต์โดยรวมด้วย

มาว่ากันที่รายได้ก่อน Nissan ปิดปฏิทินที่เพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อเดือนมี.ค. 2562 ที่ 11.6 ล้านล้านเยน (ราว 3.34 แสนล้านบาท) ลดลงจากปีปฏิทินก่อน 3% อาจดูไม่มากนัก แต่พอมาดูที่กำไรจากการดำเนินงานกลับอยู่ที่ 3.18 แสนล้านเยน (ราว 91,000 ล้านบาท) ลดลงถึง 45%

Nissan
Hiroto Saikawa ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขนี้เกิดขึ้นมาก็คือจำนวนยอดขายรถยนต์ที่ลดลง 4.4% เหลือ 5.5 ล้านคัน ถือเป็นตัวเลขที่ตกต่ำที่สุดของ Nissan ในรอบหลายปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องการบริหารจัดการภายในที่ไม่ค่อยดีนัก จนบริษัทมีกำไรลดลงมากขนาดนี้

Hiroto Saikawa ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan ยอมรับว่า มันคือความท้าทายอย่างมากของบริษัท แต่ก็ต้องผ่านไปให้ ส่วนการถูกควบรวมกับ Renault เพื่อจัดตั้งเป็น Holding ใหม่นั้นยังไม่มีความชัดเจน หลัง Jean-Dominique Senard ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Renault มีความคิดแบบนี้

Nissan
Carlos Ghosn ภาพจาก Nissan

แม้ Nissan จะเป็นฟันเฟืองหลักในการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi แต่ด้วย Renault นั้นถือหุ้นใหญ่ใน Nissan ทำให้การควบรวมสองกิจการนี้เข้าด้วยกันก็อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญ Nissan ยังคาดการณ์กำไรปีปฏิทินนี้ที่ 2.3 แสนล้านเยน (ราว 66,000 ล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่าเดิมอีกด้วย

สรุป

กลายเป็นวิกฤติของ Nissan แบบไม่ได้ตั้งใจ แม้ผู้บริหารระดับสูงอาจรู้เรื่องที่มันอยู่ใต้พรมมาก่อนแล้วบ้าง แต่เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาในที่สาธารณะ จากองค์กรขั้นเทพก็กลายเป็นองค์กรที่ถูกมองในแง่ลบ ดังนั้นคงต้องดูว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบันจะพาบริษัทผ่านวิกฤตินี้อย่างไร แต่ก็ต้องดูว่าจะอยู่ถึงจุดนั้นหรือไม่ด้วย

อ้างอิง // CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา