เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า หลายคนอาจนึกถึง Tesla ของ Elon Musk เป็นชื่อแรกๆ แต่ตอนนี้แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง NIO (นีโอ) คือหนึ่งในนั้น แถมยังนิยามตัวเองว่าเป็นบริษัทรถยนต์ยุคใหม่ด้วย
จากยกระดับอุตสาหกรรม สู่คู่แข่งที่น่าจับตา
อะไรที่เป็นแบรนด์จีนในปัจจุบันเริ่มมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในสายตาผู้บริโภค หนึ่งในนั้นคือแบรนด์รถยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ที่เริ่มออกไปบุกตลาดโลกบ้างแล้ว แต่แบรนด์ส่วนใหญ่ยังติดปัญหาเรื่องการออกแบบที่ดูเชยไปสักนิด แม้เรื่องนวัตกรรมทั้งการขับเคลื่อน และเทคโนโลยีต่างๆ จะสอบผ่านก็ตาม
ทำให้ William Li ผู้ก่อตั้ง Bitauto และ NextEV ตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในปี 2557 นามว่า Weilai ที่หมายถึงท้องฟ้าสีคราม เพื่อยกระดับการทำตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน พร้อมกับตั้งแบรนด์ใหม่ขึ้นมาในชื่อ NIO ที่ไม่ได้แค่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับนวัตกรรม และดีไซน์สุดล้ำ แต่ใส่บริการสุด Premium เข้าไปด้วย
ซึ่งจากแผนนี้ก็ทำให้มีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุนกับ NIO ไม่ว่าจะเป็น Tencent, Temasek และ Baidu เป็นต้น จน NIO กลายเป็น Startup สายสร้างแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามอง และเมื่อปลายปี 2560 บริษัทได้เริ่มส่งมอบรถยนต์รุ่นแรกให้กับผู้ที่สั่งจอง ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของคนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปใหญ่
ES8 กับการบุกเบิกตลาดจีนด้วยราคาที่ถูกกว่าครึ่ง
สำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่บริษัทสามารถส่งมอบให้กับผู้ส่งจองได้ก็คือ ES8 รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ Battery Electric Vehicle (BEV) ที่มากับรูปลักษณ์ SUV ขนาด 7 ที่นั่ง ราคาเริ่มต้น (ไม่รวมค่าสนับสนุนของรัฐบาล) ที่ 4.48 แสนหยวน (ราว 2.2 ล้านบาท) เรียกว่าถูกกว่า Model X ของ Tesla ในประเทศจีนถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
ที่สำคัญคุณสมบัติของรถยนต์รุ่นดังกล่าวที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2561 ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เช่นการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา รีดกำลังขับเคลื่อนสูงสุด 643 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 840 นิวตันเมตร เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.4 วินาที และเมื่อชาร์จเต็มก็สามารถวิ่งได้ระยะทางราว 350 กม.
ส่วนภายในก็มาพร้อมกับนวัตกรรมทั้งเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติที่สามารถเรียนรู้รูปแบบการขับขี่ได้ด้วยตัวเอง, เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ในรถยนต์ NOMI ที่ช่วยให้บรรยากาศในการโดยสารไม่เหมือนเดิม รวมถึงเทคโนโลยีการชาร์จไฟ, การเปลี่ยนแบตเตอรี่ และการดูแลลูกค้าที่ไม่เคยมีรถยนต์ค่ายไหนทำมาก่อน
เน้นทำตลาดในจีนก่อนบุกตลาดโลกในปี 2563
อย่างไรก็ตามการทำตลาดของ NIO นั้นจะเน้นจำหน่ายในประเทศจีนเป็นหลัก เพราะต้องการขยายฐาน และเพิ่มกำลังการผลิตให้แข็งแกร่งก่อน จากนั้นจึงขยายดไปยังตลาดโลกในปี 2563 ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็คือเป้าหมายแรกๆ ของทางบริษัท เพราะก่อนหน้านี้ได้สร้างชื่อให้โลกรู้ในนามผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลกมาก่อน
โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลกของ NIO คือ EP9 ที่ผลิตเมื่อปี 2559 ก่อนเปิดขายแค่ 16 คันในปี 2560 ในราคาเกือบ 50 ล้านบาท ส่วนเรื่องประสิทธิภาพก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันมีกำลังขับเคลื่อนสูงสุด 1,360 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 313 กม./ชม.
และเพื่อยกระดับการสื่อสารรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทไปอีกขั้น NIO ก็ลงส่งรถยนต์ไฟฟ้าลงแข่ง Formular E ด้วย โดยใช้ชื่อรุ่นว่า NIO 003 ปัจจุบันอยู่ในอันดับ 8 ของประเภททีมจาก 10 ทีมที่ลงแข่งรายการนี้ ถึงแม้อันดับจะไม่สูงมาก แต่ก็ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ประกาศศักดาให้โลกได้รู้จัก
สรุป
แม้จะยังทำตลาดแค่ในประเทศจีน และยังไม่เปิดเผยเรื่องกำลังการผลิต รวมถึงแผนการตลาดในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต แต่ NIO ก็คืออีกแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่น่าสนใจ เพราะด้วยการออกแบบ และการวางตัวเองเป็นบริษัทรถยนต์ยุคใหม่ ก็ทำให้หลายๆ แบรนด์ดั้งเดิมต้องหันมามอง Startup สายพัฒนารถยนต์รายนี้บ้าง เพราะถ้ารายอื่นตามไม่ทัน โอกาสที่ลูกค้ากลุ่ม Millennial จะหันไปซบอก NIO ก็มีสูง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา