ดัชนีหุ้นญี่ปุ่นอย่าง Nikkei 225 ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่นออกมาดีกว่าที่คาด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล และธนาคารกลางญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็รวมถึงความคาดหวังถึงการฟื้นตัวหลังจากนี้เป็นต้นไป
ดัชนี Nikkei 225 ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ล่าสุดปิดการซื้อขายดัชนียืนอยู่ที่ 30,084.15 จุด หลังจากที่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ รวมถึงความคาดหวังเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงกลับมาฟื้นตัวอีกรอบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และแรงส่งจากมาตรการทางการเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่น
สำหรับดัชนี Nikkei 225 ถือว่าเป็นอีก 1 ดัชนีที่วัดถึงเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น โดยรวมหุ้นที่มีขนาดบริษัทใหญ่ที่สุดในประเทศกว่า 225 บริษัท โดยดัชนีได้ทำสถิติสูงสุดในปี 1989 ที่ 38,915.87 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเศรษฐกิจญี่ปุ่น ก่อนที่ท้ายที่สุดเศรษฐกิจของประเทศได้ประสบปัญหานานับประการ เช่น ปัญหาเงินฝืด ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ผู้คนไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลทำให้เศรษฐกิจซบเซาเป็นเวลานานหลายสิบปี
เศรษฐกิจและดัชนี Nikkei 225 กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในสมัยนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่ใช้มาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ การเข้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้นบริษัทใหญ่ๆ ผ่านกองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นเกิดปัญหาเงินฝืด ส่งผลทำให้ดัชนีกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ขณะเดียวกันอีก 1 ปัจจัยที่สำคัญคือนักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น ปัจจุบันมีสัดส่วนราวๆ 30% จากในอดีตช่วงปี 1990 มีสัดส่วนแค่ 4% เท่านั้น
ทางด้านตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นที่เป็นตัวเลขคาดการณ์ครั้งแรกของไตรมาส 4 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตมากถึง 12.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2019 ที่ผ่านมา และเติบโตต่อเนื่อง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2020 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ ทำให้เมื่อคำนวณทั้งปี 2020 เศรษฐกิจญี่ปุ่นถดถอย -4.8%
โดยนักวิเคราะห์จากหลายสถาบันการเงินนั้นมองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมาอยู่ในช่วงฟื้นตัวจาก COVID-19 อีกครั้ง แม้ว่าในไตรมาส 1 ของปี 2021 นี้ญี่ปุ่นจะประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอีกรอบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ตาม แต่เศรษฐกิจก็จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา