แค่ Tweet สนับสนุนการประท้วงในฮ่องกงของผู้บริหาร Houston Rockets ทีมในลีกบาสเกตบอล NBA กลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างจีน กับลีก NBA แต่คนที่ซวยจริงๆ กลับเป็น Nike ที่พอมีข่าวนี้หุ้นก็ร่วงระนาว
ตลาดหลักที่อาจไม่หอมหวานอีกแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเข้าไปจำหน่ายสินค้าจนได้รับความนิยมในจีน เม็ดเงินมหาศาลก็คงไหลเข้ากระเป๋าบริษัทแน่ๆ ซึ่ง Nike แบรนด์อุปกรณ์กีฬาจากสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับความนิยมในจีนด้วย โดยในปี 2561 สามารถทำรายได้แค่ในจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.87 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น
แต่พอ Daryl Morey ผู้จัดการทั่วไปของทีมบาสเกตบอล Houston Rockets ในลีก NBA พิมพ์ข้อความใน Twitter ส่วนตัวที่มีเนื้อหาสนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง ก็เล่นเอาผู้บริโภค และองค์กรต่างๆ ในจีนเดือดไปตามๆ กัน แม้ว่าเขาจะลบ Tweet นั้นทิ้งไปแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ไม่จบลงง่ายๆ
Rockets general manager Daryl Morey and the NBA just backed down over a tweet which said “Fight For Freedom. Stand With Hong Kong.” because Communist China got pissed off. pic.twitter.com/tDT8YwsdDF
— Jerry Dunleavy (@JerryDunleavy) October 7, 2019
เนื่องจาก Tencent ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน NBA ในประเทศจีนเตรียมระงับการแพร่ภาพการแข่งขันของทีม Houston Rockets ในจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้สมาคมบาสเกตบอลของจีนก็หยุดความร่วมมือกับทีม Houston Rockets เช่นเดียวกับแบรนด์อุปกรณ์กีฬา Li-Ning กับ Alibaba ที่ถอดสินค้าทีมนี้ลงจากหน้าร้าน
เมื่อเหตุการณ์มันลามมาถึงขนาดนี้นักลงทุนก็กังวลว่าจะกระทบกับแบรนด์ Nike ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของ NBA จนเกิดการเทขาย และทำให้มูลค่าหุ้นลดลงอย่างหนัก เนื่องจากถ้าถูกแบนจริงๆ ยอดขาย Nike ก็คงหายไปมหาศาล และคงต้องรออีกระยะถึงจะกลับมาทำตลาดที่จีนอีกครั้งได้
ทั้งนี้ในฤดูกาล 2018-19 มีชาวจีนดูการแข่งขัน NBA ผ่านแพลตฟอร์ม Tencent เกือบ 500 ล้านคน มากกว่าประชากรทั้งประเทศของสหรัฐอเมริกา โดยมูลค่าธุรกิจระหว่าง Tencent กับ NBA สูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 45,000 ล้านบาท)
สรุป
แม้ Adam Silver ผู้บริหารสูงสุดของ NBA จะออกมาเคลื่อนไหวผ่านการยืนยันว่า NBA ไม่ได้อยู่ข้างใดข้างหนึ่ง และไม่ได้บังคับว่าผู้เล่น, ทีมงาน หรือผู้บริหารของทีมต่างๆ ในลีก NBA ต้องมีความเห็นเรื่องประท้วงฮ่องกงในมุมไหน แต่นั่นมันก็คือการต่อชนวนปัญหาให้ไปไกลกว่าเดิมอีก จนไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะมีแบรนด์อื่นโดนหางเร่อีกหรือไม่
อ้างอิง // CNBC, TheStreet, BARRON’S
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา