บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น Nidec พยายามลดต้นทุนด้วยการย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากจีนไปเวียดนาม แต่สุดท้ายค่าแรงในเวียดนามก็พุ่งสูงขึ้นอีก ล่าสุด บริษัทญี่ปุ่นรายนี้เลยต้องส่ง AI เข้ามาใช้เต็มตัว
ค่าแรงเพิ่ม ย้ายฐานไม่พอ ต้องใช้ AI ลดต้นทุน
Nidec บริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากญี่ปุ่นที่มีฐานผลิตในเอเชียหลายแห่ง เช่น จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย กำลังจะเปลี่ยนโรงงานผลิตให้เป็น smart factory ที่รองรับหุ่นยนต์ AI ในทุกส่วนการทำงาน และนั่นหมายความว่าย่อมใช้แรงงานคนน้อยลง
Akira Sato ประธานบริษัทและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Nidec บอกว่า “ด้วยต้นทุนของแรงงานที่สูงขึ้นในเอเชีย ทำให้ขาดแคลนแรงงาน เราจึงต้องเปลี่ยนโรงงานให้กลายเป็น smart factory”
ในช่วง 4 – 5 ปีมานี้ ค่าจ้างแรงงานในจีนเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากจีนไปเวียดนาม แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ค่าแรงในเวียดนามก็ปรับตัวสูงขึ้นอีกถึง 30% จึงทำให้ Nidec ต้องใช้หุ่นยนต์ AI เพื่อแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนในการผลิต
Nidec ได้พัฒนา AI ขึ้นมาใช้ในโรงงานเพื่อทดแทนแรงงานคนในภาคการผลิต ทั้งหุ่นยนต์ประกอบสินค้า หุ่นยนต์ขนส่งสินค้าอัตโนมัติ หุ่นยนต์ช่วยลำเลียงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงหุ่นยนต์ตรวจสอบคุณภาพสินค้า
ที่น่าสนใจคือ Nidec เชื่อว่า การใช้ AI เข้ามาในโรงงานจะทำให้มีกำไรมากขึ้นกว่าเดิม จากในปี 2016 ที่มีกำไรอยู่ที่ 11.7% มั่นใจว่าในปี 2020 กำไรจะขึ้นไปอยู่ที่ 15% และด้วยความเชื่อมั่นนี้ทำให้ Nidec วางแผนจะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้าน R&D อีก 130% จาก 60,000 ล้านเยน เป็น 140,000 ล้านเยน ในปี 2020
อย่างไรก็ตาม Nidec ไม่ได้มีมาตรการไล่พนักงานออกแต่อย่างใด แต่จะใช้วิธีการเพิ่มหุ่นยนต์ AI เข้าไปในการผลิตเรื่อยๆ โดยหลังจากนี้จะขยายฐานไปในสหรัฐเมริกาและยุโรปอีกด้วย
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา