นิวซีแลนด์เตรียมพ่วงคำถามประชามติ “กัญชาเพื่อสันทนาการ” ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

กัญชา
กัญชา Photo: Shutterstock

อาจเป็นการเลือกตั้งครั้งที่มีคนออกมาใช้เสียงมากที่สุด เพราะประชามติกัญชา

หลังจากที่นิวซีแลนด์ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ในวันที่ 11 ธันวาคม 2018 ผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์ รัฐบาลนิวซีแลน์ผลักดันเชิงรุกเรื่องกัญชาอย่างต่อเนื่อง โดยประกาศว่าในการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในปี 2020 นิวซีแลนด์จะมีการพ่วงทำประชามติเรื่อง “กัญชาเพื่อสันทนาการ” ไปด้วย

การบริโภคกัญชาในนิวซีแลนด์มีแนวโน้มเติบโตสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผลสำรวจว่าประชาชนชาวนิวซีแลนด์กว่า 65% ลงความเห็นว่ากัญชาควรใช้เพื่อสันทนาการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยด้านของ Sandra Murray ผู้จัดการกิจกรรมรณรงค์ให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมายในนิวซีแลนด์ บอกว่า “นิวซีแลนด์ยังตามไม่ทันโลกในเรื่องกัญชา ฉันคิดว่าเราต้องส่งเสริมให้กัญชาถูกกฎหมาย เราต้องอยู่ในทางที่เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องให้กับโลก”

อย่างไรก็ตาม การทำประชามติให้กัญชาเพื่อสันทนาการถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะจัดไปพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2020 หลายฝ่ายคาดว่าอาจจะทำให้ยอดการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งและทำประชามติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยในปี 2017 มียอดการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึง 79% แต่ในครั้งถัดไปตัวเลขอาจสูงกว่านี้อีก

ในทางการเมือง การผลักดันให้มีการทำประชามติครั้งนี้เป็นความต้องการของพรรคกรีนที่ต้องการจะร่วมรัฐบาลผสมกับ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ซึ่งชนะการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา

แม้กระแสสังคมเรื่องกัญชาในนิวซีแลนด์จะออกไปทางที่ต้องการประชามติเพื่อทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่สำหรับฝ่ายค้านในรัฐสภาของนิวซีแลนด์มองว่า รัฐบาลกำลังเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนออกจากปัญหาใหญ่ๆ ทางสังคม เช่นปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ โดยใช้การทำประชามติเรื่องกัญชามาบังหน้า

“กัญชา” อุตสาหกรรมใหญ่ที่น่าจับตามอง

หากนิวซีแลนด์ผ่านกฎหมายกัญชาเพื่อสันทนาการและมีผลบังคับใช้ทั้งประเทศ จะถือเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่อนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างเสรี ตามหลังอุรุกวัยและแคนาดา (ส่วนสหรัฐอเมริกา ยังคงอนุญาตให้ใช้เพื่อสันทนาการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในบางมลรัฐเท่านั้น)

อุตสาหกรรมกัญชาเป็นอีกหนึ่งวงการที่ต้องจับตามอง เพราะหากกัญชาถูกกฎหมายในหลายพื้นที่ จะทำให้เกิดการ disrupt ในอีกหลายอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมน้ำอัดลมในสหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์มองว่า ในปี 2030 หากสหรัฐอเมริกาทำให้กัญชาถูกกฎหมายในทุกมลรัฐ ยอดขายกัญชาจะพุ่งไปอยู่ที่ประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์ และเมื่อถึงเวลานั้น มูลค่ายอดขายของกัญชาจะแซงหน้าตลาดน้ำอัดลมที่กำลังหดตัว หรืออุตสาหกรรมเบียร์ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน

นอกจากนั้น อุตสาหกรรมกัญชายังจะทำให้เกิดการจ้างงานมหาศาล โดยงานศึกษาของ ZipRecruiter เว็บไซต์หางาน ระบุว่า อัตราการรับสมัครงานในวงการกัญชาเพิ่มสูงขึ้นกว่า 445% ในปี 2017 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าคือปี 2016 ที่มีอัตราการรับสมัครงานในอุตสากรรมกัญชาเพียง 18% เท่านั้น

และแน่นอนว่า ตอนนี้นักลงทุนทั่วโลกหลายคนก็เริ่มสนใจลงทุนในหุ้นกัญชากันแล้ว

ที่มา – Theguardian

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา