หลังสภาเมือง New York ได้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบริการร่วมเดินทาง หรือ Ride-Hailing Service ในเดือน มิ.ย. 2560 แต่ล่าสุดทางเมืองกลับเห็นว่าบริการนี้สร้างปัญหาบนท้องถนน และกลายเป็นที่มาของข้อบังคับสุดโหด
ทำหมันอุตสาหกรรมนี้ชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 ปี
New York ถือเป็นเมืองแรกๆ ของโลกที่เขียนกฎหมายเกี่ยวกับบริการร่วมเดินทางเพื่อให้ธุรกิจนี้สามารถให้บริการได้อย่างถูกต้อง แต่เมื่อเข้าระบบ และหน่วยงานรัฐมีข้อมูลเกี่ยวกับบริการนี้ก็ทำให้ธุรกิจของ Uber และ Lyft ต้องเผชิญปัญหากับการเติบโตในเมืองนี้ครั้งใหญ่
เนื่องจากสภาเมือง New York ได้มีมติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 ส.ค.) ว่า ขอให้ระงับการออกใบอนุญาตขับขี่บริการร่วมเดินทางออกไปเป็นเวลา 12 เดือน หลังบริการดังกล่าวสร้างปัญหาความหนาแน่นบนท้องถนนเป็นอย่างมาก ผ่านตัวเลขรถยนต์ผู้ให้บริการที่เพิ่มขึ้นจาก 12,600 คันในปี 2558 เป็น 80,000 คันในปี 2561
“การระงับการออกใบอนุญาตขับขี่บริการร่วมเดินทางจะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดภายในเมือง New York ได้แน่ๆ เพราะปัจจุบันมีรถยนต์ที่ได้รับใบอนุญาตนั้นวิ่งอยู่ในเมืองมากมาย” Bill de Blasio นายกเทศมนตรีเมือง New York กล่าว
นอกจากนี้มติดังกล่าวยังกำหนดให้เจ้าของแพลตฟอร์มบริการร่วมเดินทางต้องจ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้กับผู้ขับในระบบ จากเดิมที่ผู้ขับเหล่านั้นมีฐานะเป็นพนักงานสัญญาจ้างชั่วคราว และไม่ได้ถูกคุ้มครองจากกฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งกลุ่มผู้ขับขี่ต่างเห็นชอบกับมตินี้เป็นอย่างมาก เพราะช่วยการันตีเรื่องการเงิน รวมถึงไม่มีคู่แข่งมาแย่งลูกค้าเพิ่ม
ในทางกลับกัน Uber นั้นไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว เพราะการแก้ปัญหาความหนาแน่นบนท้องถนนสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่นการทำรถไฟใต้ดินให้ดีขึ้น นอกจากนี้การไม่ให้เพิ่มจำนวนจะทำให้การให้บริการในพื้นที่ชานเมืองนั้นน้อยลง และทำให้ค่าโดยสารนั้นสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
สรุป
เรียกว่าเป็นการกีดกันทางการค้าก็ว่าได้ เพราะเมื่ออนุมัติให้ทำถูกกฎหมายแล้วอยู่ๆ ก็มาสั่งไม่อนุญาต แต่เชื่อว่าทางเทศบาลเมืองน่าจะคิดมาแล้วว่าเหตุผลที่ลงมติแบบนี้นั้นทำไปเพื่ออะไร และเมื่อย้อนมองดูประเทศไทยที่ยังไม่กำกับกิจการนี้ ก็น่าลองคิดว่าถ้าสมมติบริการนี้ถูกกำกับขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อ้างอิง // Fox Business
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา