ปฏิเสธไม่ได้ว่า การอ่านหนังสือของประชาชนบางส่วนก็สอดคล้องกับการขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำประเทศด้วยเหมือนกัน ทั้งเพื่อหาความรู้ ทำความเข้าใจกับบุคลิกลักษณะ วิธีคิดของผู้นำคนนั้นๆ รวมทั้งเพื่อรับมือให้ได้กับผู้นำด้วย เปรียบได้กับการขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาก็ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์เช่นกัน
ทั้งนี้ การทำวิจัยตลาดโดย NPD BookScan พบว่า ในรอบสี่ปีที่ผ่านมา การบริหารประเทศภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้คนควานหาซื้อหนังสือไม่ใช่วรรณกรรมหรือนวนิยายมากขึ้น คนเน้นอ่านหนังสือด้านการเมืองเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ยอดขายสิ่งพิมพ์ในช่วงปี 2018 ถล่มทลาย หนังสือด้านการเมือง ด้านรัฐศาสตร์มียอดขายเติบโตขึ้นภายในสี่ปีโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12%
(*นี่ไม่ใช่บทความอวยทรัมป์ แต่กำลังสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อผู้นำเปลี่ยนไป ประชาชนจึงต้องปรับตัว การขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศของทรัมป์ทำให้ผู้คนบางส่วนเกิดความสับสน สิ้นหวัง จึงต้องทำความเข้าใจศาสตร์ในด้านการเมืองและเรื่องราวเกี่ยวกับทรัมป์ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนผู้นำไทยที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร หนังสือแนวการเมืองขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะคนต้องการสร้างความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่รัฐประหาร 2557 ตลอดจนสภาวะการเมืองไทยในปัจจุบัน* ในแง่ดีก็คือ หนังสือแนวการเมืองที่อ่านยากและดูไกลตัวกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเมื่อประชาชนได้รับผลกระทบจากระบอบการปกครองที่เป็นอยู่)
ทั้งนี้ ไม่ใช่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์จะขายได้ถล่มทลาย แต่ยังรวมหนังสือที่เขียนโดย Michelle Obama ภรรยาอดีตประธานาธิบดีโอบามา เรื่อง Becoming ก็ขายได้มากกว่า 10 ล้านเล่ม ยอดขายหนังสือพิมพ์ของ The New York Times ที่เป็นหนึ่งในสื่อไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์ก็ขายดีเช่นกัน ขณะที่หนังสือ A Promised Land ที่เขียนโดยโอบามาที่กำลังจะวางจำหน่ายกลางเดือนพฤศจิกายน ก็อาจจะขายดีด้วยเช่นกัน แต่ช่วงที่โอบามาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกก็ดันมีหนังสือที่วางขายเกี่ยวกับเขามากกว่า 500 เล่ม
อย่างไรก็ดี หนังสือประเภทการเมืองถูกขายในสมัยทรัมป์ดำรงตำแหน่งมากที่สุดในบรรดาประธานาธิบดียุคใหม่ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปสมัยปี 2015 ก่อนที่ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดี ยอดขายหนังสือนั้นค่อนข้างแตกต่างกับตอนนี้ หนังสือที่ทำเงินได้อาจจะขายได้ราวล้านเล่มต่อปี
- ปี 2017 หนังสือวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่ขายได้ 141 ล้านเล่ม
- ปี 2018 ขายได้ 135 ล้านเล่ม
- ปี 2019 ขายได้ 131 ล้านเล่ม
- ปี 2020 ขายได้ 134 ล้านเล่ม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ไม่ได้หมายความว่า หนังสือแนวการเมืองจะหมดหวังที่จะจัดจำหน่ายเมื่อทรัมป์ลงจากตำแหน่ง แต่อาจจะเป็นหนังสือคลาสสิคแนวอื่นที่ขายได้มากขึ้นแทน อาทิ ตัวอย่างหนังสือที่ขายดีมากอย่างเรื่อง Notes on Nationalism ของ George Orwell ขายได้มากกว่า 20,000 เล่ม หรือ Karl Marx’s The Communist Manifesto ก็ขายได้มากถึง 16,000 เล่ม เป็นต้น
ที่มา – Quartz
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา