ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง 30 รายวิเคราะห์ วิถีชีวิตแบบใหม่หลังโควิด-19: การงาน การเรียน ธุรกิจ

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้กำลังมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศออกมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันของคนเปลี่ยนไป จนเริ่มมองภาพไม่ออกว่าโลกหลังโควิด-19 จะเป็นอย่างไร

Bangkok Thailand COVID-19
ภาพจาก Shutterstock

นักธุรกิจ ผู้บริหาร และนักลงทุนของบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก ต้องมีการคาดการณ์สถานการณ์โลกหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 เพื่อวางแผนให้ธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยเฉพาะพฤติกรรมของคนที่จะต้องเปลี่ยนไป ซึ่งบางอย่างกลายเป็น New Normal หรือความปกติใหม่ที่เราต้องเจอ

Work From Home กลายเป็นเรื่องปกติ

นักธุรกิจและผู้บริหารหลายคนเชื่อว่าการทำงานที่บ้าน (Work From Home) จะกลายเป็นเรื่องปกติหลังการแพร่ระบาดของโรควิด-19  Matthew Prince CEO ของ Cloudflare คาดการณ์ว่าหลายๆ บริษัทจะเริ่มให้อิสระในการทำงานกับพนักงานมากขึ้น พนักงานไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาที่สำนักงานแต่อย่างใด ทำให้บริษัทเองสามารถปรับลดพื้นที่สำนักงานที่เช่าได้ด้วยเช่นกัน

ออฟฟิศให้เช่า
พื้นที่สำนักงานแบบเปิดโล่งจะไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป ภาพจาก pixabay.com

ส่วนบริษัทที่ยังให้พนักงานมาทำงานที่สำนักงานตามเดิม จะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่การทำงานใหม่ จากเดิมที่ในปัจจุบันนิยมออกแบบสำนักงานแบบเปิดโล่ง (Open Plan Office) ไม่มีพาร์ทิชั่นกั้นระหว่างโต๊ะทำงาน พื้นที่ทุกส่วนเชื่อมต่อกันทั้งหมด เปลี่ยนเป็นพื้นที่สำนักงานแบบปิดมากขึ้น เพราะพาร์ทิชันที่กันระหว่างโต๊ะทำงานจะช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ดีกว่า

ภาพจาก pixabay.com

ส่วนในแง่ของการประชุม Jeff Richards ผู้บริหารของ บริษัทร่วมทุน GGV Capital มองว่า การประชุมออนไลน์จะเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน โดยเฉพาะการประชุมภายในบริษัทระหว่างพนักงานด้วยกันที่ต้องมีการประชุมเป็นประจำทุกๆ สัปดาห์ จะประชุมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ไม่ต้องเข้ามาเจอหน้ากันที่ทำงานก็ได้ ทำให้ใครๆ ก็รู้จักแอปพลิเคชันที่ใช้ประชุมออนไลน์ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างใช้แอปพลิเคชันพวกนี้ในการพูดคุยกันจนเป็นเรื่องปกติ

แต่การประชุมใหญ่ๆ เช่น การประชุมผู้ถือหุ้น การประชุมระหว่างบริษัท อาจต้องมีการประชุมแบบเดิมอยู่ รวมถึงการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจก็อาจยังมีอยู่เช่นเดิม

นอกจากนี้นักธุรกิจบางคนยังมองอนาคตของการจ้างงานว่า ตลาดของนักพัฒนาที่มีความสามารถจะกว้างขึ้นจากการทำงานที่บ้าน บริษัทต่างๆ สามารถจ้างพนักงานจากที่ไหนก็ได้ในโลก โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ทำงานเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะนักพัฒนาสามารถทำงานจากที่บ้านได้เป็นปกติ

เทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต

ไม่ใช่แค่การประชุมออนไลน์ในขณะทำงานเท่านั้นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้เราไม่สามารถคุยกับเพื่อน หรือคนรู้จักได้เหมือนเดิม Stan Chudnovsky หนึ่งในผู้บริหารของ Facebook ที่ดูแลแอปพลิเคชัน Messenger มองว่าการใช้งาน VDO Conference จะกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นสำหรับการใช้งานทั่วไป ตั้งแต่การใช้เวลาไปกับคนในครอบครัว การจัดงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดกับเพื่อนสนิท หรือแม้แต่การออกกำลังกายกับเทรนด์เนอร์ สามารถทำได้ผ่าน VDO Conference

นอกจากนี้นักธุรกิจ และผู้บริหารบางคน คาดว่าในชีวิตประจำวันของเราอาจมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะการใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant, Siri หรือ Amazon Alexa เพื่อสั่งคำสั่งให้โทรหาคนที่เราอยากคุยด้วย

ส่วนบริษัทหลายๆ แห่ง ที่ไม่ยอมปรับตัวเข้าสู่โลกเทคโนโลยีก่อนหน้าที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำเป็นที่จะต้องรีบปรับตัวใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น ในฐานะเครื่องมือที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดในสถานการณ์อันยากลำบากแบบนี้

ห้องเรียนยังสำคัญ แต่เรียนออนไลน์จะมากขึ้น

แม้ว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเป็นการบังคับให้ทั้งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน เป็นการเรียนผ่านระบบออนไลน์แทน เนื่องจากไม่นักเรียนสามารถเดินทางไปโรงเรียนได้ตามปกติ และการรวมตัวของคนจำนวนมากๆ อาจกลายเป็นความเสี่ยง

ภาพจาก pixabay.com

Adam Enbar CEO ของ Flatiron School มองว่าสถานศึกษาต้องใช้แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Zoom หรือ Slack แต่การเรียนออนไลน์ไม่สามารถทดแทนประสบการณ์ภายในห้องเรียนได้ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติการเรียนออนไลน์อาจลดลงบ้าง แต่อย่างไรก็ตามอาจมีคนบางส่วนที่ยังต้องการเรียนผ่านระบบออนไลน์อยู่ ดังนั้นสถาบันการศึกษาต้องพัฒนาคอร์สเรียนผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียนด้วยเช่นกัน

ธุรกิจต้องปรับตัว

ในช่วงแรกหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้นจนบริษัทต่างๆ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ บริษัทต่างๆ อาจมีความกังวลว่าโรงงานของตัวเองอาจผลิตสินค้าได้ไม่เพียงพอกับความต้องการจนเกิดความขาดแคลน ทางแก้ในระยะสั้นคือการหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ใกล้โรงงานมากขึ้น แต่ในระยะยาวบริษัทจะต้องรู้จักการบริหารความเสี่ยง และมีการจำลองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจกระทบกับการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ธุรกิจต่างๆ ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การทำธุรกิจต้องปรับตัวเข้ากับโลกเพื่อเอาตัวรอด ภาพจาก Shutterstock

David Barrett CEO และผู้ก่อตั้ง Expensify แอปพลิเคชันบริหารจัดการค่าใช้จ่าย มองภาพรวมของโลกธุรกิจว่า บริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีจะต้องมีการใช้เงินจากการระดมทุนจำนวนมาก รวมถึงมีการผลาญเงินสดที่มีอยู่ บางบริษัทอาจถึงขั้นต้องปลดพนักงานออก รวมถึงพิจารณาการขายกิจการเพื่อความอยู่รอด บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มากนัก จะต้องโฟกัสกับธุรกิจที่บริษัททำต่อไป แต่ต้องรัดเข็มขัด และประหยัดค่าใช้จ่าย

ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทต่างๆ จะมีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทมากขึ้น นอกเหนือไปจากการประเมินมูลค่าบริษัทจากรายได้ และผลกำไร โดยเฉพาะการประเมินโครงสร้างองค์กร พนักงาน วัฒนธรรมองค์กร ความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ และความสามารถในการทำกำไร

บริการเดลิเวอรี่จะกลายเป็นเรื่องปกติที่ร้านอาหารต้องทำ ภาพจาก Shutterstock

ส่วนธุรกิจร้านค้า และร้านอาหาร Will Lopez ผู้บริหารของ Gusto บริษัทที่ให้บริการด้านการเงินแก่บริษัทต่างๆ แนะนำว่าจากที่แต่เดิมเคยอาศัยลูกค้าที่เข้ามาที่หน้าร้านเพียงอย่างเดียว ต้องรู้จักปรับตัวหาลูกค้าจากช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ร้านอาหารต้องผูกกับบริการเดลิเวอรี่จะหวังขายคนที่เข้ามาทานอาหารในร้านอย่างเดียวไม่ได้ หรือถ้าร้านไหนมีบริการเดลิเวอรี่อยู่แล้ว ต้องมีการขยายพื้นที่บริการให้กว้างขึ้น โดยไม่ต้องรอลูกค้าภายในชุมชนใกล้เคียงมาอุดหนุนเท่านั้น

ที่มา – Fast Company

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา