ดราม่าส่งท้ายปี 2017 กันสักหน่อย เมื่อ Netflix ส่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ลงสตรีมมิ่ง Nielsen รีบออกรายงานมาเลยว่า เรตติ้งดีไหม คนดูเท่าไหร่ แล้วใครดูบ้าง สุดท้าย Netflix บอก ไม่เห็นด้วย เพราะข้อมูลไม่น่าจะถูกต้อง
Nielsen จัดเรตติ้งให้ Netflix แต่ Netflix ไม่ยอมรับ
หลังการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องใหม่ฟอร์มยักษ์ของ Netflix ที่ทุ่มทุนสร้างไปกว่า 90 ล้านดอลลาร์ ชื่อเรื่อง Bright ภาพยนตร์เเนวเเฟนตาซี เเอ็คชั่น อาชญากรรม และนำแสดงโดยวิล สมิธ
ผ่านไปไม่กี่วัน Nielsen ออกโรงมาวัดเรตติ้ง โดยระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Netflix เรื่องนี้ เปิดตัวไปเพียง 3 วัน มียอดผู้ชมทั่วสหรัฐอเมริกาถึง 11 ล้านคน พร้อมเจาะลึกด้วยว่าในจำนวนนั้น 7 ล้านคนเป็นคนอายุ 18 – 49 ปี 56% เป็นเพศชาย และ 44% เป็นเพศหญิง
หลังจากนั้นเมื่อ Netflix ได้ยินเข้า ก็ออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว โดยบอกว่า ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของ Nielsen เพราะเป็นเพียงการจับข้อมูลเพียงส่วนบางเสี้ยวมาเท่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดดราม่าทำนองนี้ขึ้น เพราะเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Nielsen พยายามเข้ามาวัดเรตติ้งของ Netflix และ Netflix พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า การจัดเรตติ้งของ Nielsen ไม่สะท้อนความเป็นจริง ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ เพราะลูกค้าของ Netflix รับชมวิดีโอผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่โทรทัศน์เท่านั้น วิธีการของ Nielsen จึงไม่มีความหมายในสายตาของ Netflix เป็นเพียงแค่ความอยากมีส่วนร่วมของ Nielsen เองเท่านั้น
- แล้วเหตุใด Nielsen จึงอยากมีบท?
เพราะจัดเรตติ้งไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือพลังอำนาจของ (การจัดการ) ข้อมูล
ดราม่าการจัดเรตติ้งจะดำเนินต่อไป (อย่างน้อยๆ ก็ในปีหน้า) เพราะตรรกะเบื้องหลังจริงๆ ของดราม่าการจัดเรตติ้งคือ การยื้อแย่งอำนาจของข้อมูล โดยเฉพาะในโลกยุคที่ข้อมูลขายได้และขายดี ก็จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทุกวัน
ตัวของ Nielsen เองนั้นไม่อยากที่จะปล่อยให้อำนาจ (ที่เคยมี) ของการวัดเรตติ้งอันเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการดำเนินและต่อรองทางธุรกิจหลุดมือไป ในขณะที่ Netflix ก็ทันเกม เพราะมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง แล้วทำไมจะต้องให้ใครอื่นมาบอกตัวเองด้วยว่า บนแพลตฟอร์มของฉัน มีผู้ชมไปมากน้อยแล้วเท่าไหร่?
อ้างอิง – techcrunch
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา