สมาร์ตโฟนใช้เวลากว่า 30 ปีในการเข้าถึงผู้คนทั่วโลก แต่ ChatGPT ใช้เวลาเพียง 2 เดือนก็มีผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านคน ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่คือสัญญาณเตือนถึงความเร็วของโลกยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังพลิกโฉมทุกสิ่งอย่างรวดเร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ตหลายเท่าตัว
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ขึ้นเวที Bangkok Post Forum 2025 พร้อมฉายภาพวิสัยทัศน์ในหัวข้อ Connecting Thailand’s Future: Digital Foundations for Growth ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการนำเสนอทิศทางขององค์กร แต่คือการส่งสารเตือนที่ดังและชัดเจนถึง “ความเร่งด่วน” ที่ประเทศไทยต้องปรับตัว ในวันที่เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นปัจจัยชี้ขาด “ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” และกำลังเปลี่ยนทิศทางของระเบียบโลกยุคใหม่ (New Global Order) อย่างสิ้นเชิง
บทวิเคราะห์นี้จะพาไปเจาะลึกถึงแก่นความคิดของ ซิกเว่ เบรกเก้ ในฐานะ Thought Leader ที่น่าจับตา ว่าเขามองเห็นความท้าทายและโอกาสของประเทศไทยอย่างไร และอะไรคือพิมพ์เขียวที่เขาเสนอเพื่อพลิกเกมให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเวทีเทคโนโลยีโลก
สมรภูมิใหม่: เมื่อสงครามเทคโนโลยีคือสงครามแห่งชาติ
ซิกเว่เริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นภาพใหญ่ของโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาไม่ได้มองว่าโซเชียลมีเดียเป็นเพียงแพลตฟอร์ม แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถเร่งความขัดแย้งทางความคิดผ่านอัลกอริทึม ขณะที่การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ได้ยกระดับจากสงครามการค้าสู่ “สงครามชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” อย่างเต็มรูปแบบ
“การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการค้าอีกต่อไป แต่คือการชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ในขณะที่ AI และเทคโนโลยีเชื่อมต่อกำลังเร่งเกมการแข่งขัน การโจมตีทางไซเบอร์ก็กลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ คำถามก็คือ พวกเราพร้อมรับมือแล้วหรือยัง” ซิกเว่ตั้งคำถามชวนคิด
มุมมองของเขาชัดเจนว่า ภัยคุกคามและการดิสรัปในยุคนี้รวดเร็วและรุนแรงจนแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในวันนี้ ก็อาจล้มหายไปได้ในทศวรรษหน้า ดังนั้น การเตรียมพร้อมจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดเดียวของประเทศ
พิมพ์เขียวพลิกเกม: 4 เสาหลักที่ไทยต้องเร่งสร้าง
เพื่อแข่งขันในสมรภูมิที่เดิมพันด้วยอนาคตของชาติ ซิกเว่ได้เสนอพิมพ์เขียวที่ประกอบด้วย 4 เสาหลักสำคัญ ซึ่งประเทศไทยต้องเร่งลงมือทำทันที
1. เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน (Technology and Infrastructure)
ซิกเว่มองว่านี่คือ “แต้มต่อ” ที่ไทยมีอยู่แล้ว ด้วยโครงข่าย 5G และไฟเบอร์ที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ที่แข็งแกร่ง โจทย์สำคัญจึงไม่ใช่การเริ่มต้นจากศูนย์ แต่คือ “การต่อยอดและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งนี้ให้เต็มศักยภาพ” เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
2. ข้อมูลคุณภาพสูง (High-Quality Data)
ข้อมูลเปรียบเสมือนน้ำมันแห่งยุค AI แต่หากเป็นข้อมูลที่กระจัดกระจายและไม่มีโครงสร้างก็ไร้ประโยชน์ เขาเน้นย้ำว่าภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องสร้าง “ระบบนิเวศข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกัน” เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์ที่แม่นยำ นำไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่การวางนโยบายภาครัฐ การจัดการโลจิสติกส์ ไปจนถึงการยกระดับบริการเพื่อประชาชน
3. คนเก่งและผู้นำยุคใหม่ (Talent & Leadership)
เสาหลักที่สำคัญที่สุดคือ “คน” ซิกเว่เสนอแนวคิดที่แหลมคมว่า ทักษะ AI ควรถูกบรรจุในหลักสูตรการศึกษา “ตั้งแต่ระดับประถม” ไม่ใช่รอจนถึงมัธยมหรือมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจต้องเร่ง Up-skill พนักงานอย่างจริงจัง โดยชี้ว่าปัจจุบันพนักงานทรูฯ กว่า 55% ผ่านการอบรมด้าน AI แล้ว และมีเป้าหมายที่ 100% ในอนาคตอันใกล้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังให้ความสำคัญกับ “ภาวะผู้นำผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง” (Transformational Leadership) ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ Act Bold (กล้าตัดสินใจ), Be Adaptive (พร้อมเรียนรู้), และ Align as One (หลอมรวมทีมให้เป็นหนึ่งเดียว)
4. นโยบายภาครัฐ (Government Policy)
เทคโนโลยีจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทางไม่ได้หากขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ ซิกเว่เรียกร้องให้มี “นโยบาย AI ระดับชาติ” ที่ชัดเจน พร้อมกำหนดกรอบการกำกับดูแลข้อมูลที่สร้างความเชื่อมั่น และออกมาตรการส่งเสริมสตาร์ทอัพอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและโปรแกรมบ่มเพาะ เพื่อให้ธุรกิจไทยแข็งแกร่งพอที่จะแข่งขันในเวทีโลกได้
“ความไว้วางใจ” รากฐานที่สำคัญที่สุดของยุค AI
เหนือสิ่งอื่นใด ซิกเว่เน้นย้ำว่ารากฐานที่ค้ำจุนทั้ง 4 เสาหลักไว้คือ “ความไว้วางใจ” (Trust) เพราะเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดก็ไร้ความหมายหากสังคมไม่เชื่อมั่น
ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้นำปรัชญานี้มาปรับใช้จริงผ่านการพัฒนา AI ที่มีความรับผิดชอบ โดยยึด 4 หลักจริยธรรมที่เคร่งครัด ได้แก่ ความโปร่งใส (Transparency), การเคารพสิทธิมนุษยชน (Respect for Human Rights), ความเป็นธรรมและลดอคติ (Fairness and Inclusion), และ การออกแบบโดยยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design)
“ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ และโครงสร้างพื้นฐาน ล้วนมีรากฐานร่วมที่สำคัญคือ ‘ความไว้วางใจ’… นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่การกำกับดูแลโดยมนุษย์ยังคงมีความจำเป็น ที่ทรู คอร์ปอเรชั่น เรามุ่งมั่นพัฒนา AI ที่มีความรับผิดชอบ เข้าใจบริบทของวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในเรื่องของความสุภาพ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
วิสัยทัศน์ของ ซิกเว่ เบรกเก้ ในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าแผนธุรกิจ แต่คือการส่งสัญญาณเตือนและมอบพิมพ์เขียวให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงความท้าทายและเร่งลงมือทำ นับเป็นอีกหนึ่ง Thought Leader ที่ไม่เพียงแค่มองเห็นอนาคต แต่กำลังพยายามสร้างอนาคตให้เกิดขึ้นจริง และเป็นมุมมองที่ทุกภาคส่วนของไทยต้องหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา