ผลวิจัยเผย คนหลงตัวเองมีโอกาสได้เป็น CEO ก่อนเพื่อนร่วมงาน เพราะฉายความเป็นดาวมากกว่า

นักวิจัยเผย คนหลงตัวเอง มีแนวโน้มได้เลื่อนตำแหน่งเป็น CEO ก่อนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ไม่หลงตัวเอง เพราะคนประเภทนี้จะมีความมั่นใจ และอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่าคนอื่น

คนแบบไหนที่จะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้รับตำแหน่งเป็นผู้นำองค์กร หรือ CEO เชื่อว่าหลายคนต้องคิดถึงคนเก่ง มีความสามารถ และโปรไฟล์ดีเป็นอันดับแรก หรือคนที่มีประสบการณ์ในสายงานมานานหลายปี ทำงานจนเชี่ยวชาญและได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร

แต่ในความจริงแล้ว โลกการทำงานงานจริง คนเก่ง ไม่ได้แปลว่าคนประเภทนี้จะได้รับโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งไปเป็น CEO เสมอไป บางครั้งคนที่ได้รับโอกาส มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานสูงกว่าอาจเป็นคนที่มีนิสัย “หลงตัวเอง” ก็ได้ เพราะผลวิจัยที่ออกมาก็มีแนวโน้มแบบนี้จริงๆ

Paola Rovelli นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Free University of Bozen-Bolzano ประเทศอิตาลี ได้ทำการศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างคนที่หลงตัวเอง กับการได้เลื่อนขั้นเป็น CEO ของบริษัท โดยพบว่า คนที่หลงตัวเอง มีโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็น CEO เร็วกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จริง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้หลงตัวเอง

ทำไมคนหลงตัวเอง กลับเป็นคนที่ได้เลื่อนขั้น แต่ไม่ใช่คนเก่ง

คำถามคาใจหลายๆ คนอาจสงสัยว่า ทำไมคนเก่งถึงไม่ได้เลื่อนขั้นจนเป็น CEO ของบริษัท แต่คนที่ได้รับโอกาสนั้นกลับกลายเป็นคนหลงตัวเอง?

นักวิจัยก็มีความสงสัยเช่นเดียวกัน และได้หาคำตอบ โดยการสังเกตพฤติกรรมของคนหลงตัวเอง เพื่อดูว่าคุณลักษณะเฉพาะอะไรที่กระตุ้นวิธีคิด การตัดสินใจ ที่ช่วยทำให้เกิดผลลัพธ์ในการทำงานที่ดี ซึ่งนักวิจัยพบว่าคนที่หลงตัวเองจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนทั่วไป และพฤติกรรมนี้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนที่เป็นผู้นำ

Paola Rovelli พบว่า คนที่เป็นผู้นำจะมีลักษณะพิเศษ เช่น เป็นคนที่ชอบแสดงออก มีความมั่นใจมาก เชื่อมั่นในตัวเอง ชอบที่จะมีอำนาจ และชอบสั่งการผู้อื่น ซึ่งลักษณะพิเศษเหล่านี้ตรงกับนิสัยของคนที่หลงตัวเองมาก

เมื่อรู้แล้วว่าคนหลงตัวเองมีลักษณะนิสัยที่เหมือนกับคนที่เป็นผู้นำ นักวิจัยจึงต้องการทดสอบสมมติฐานที่ว่า คนหลงตัวเองจะได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำองค์กรเร็วกว่าคนอื่นๆ จริงหรือไม่ โดยทำการเก็บข้อมูลจาก CEO ในประเทศอิตาลี จำนวน 172 คน โดยจะทำการทดสอบว่าคนคนนั้น เป็นคนหลงตัวเองจริงหรือไม่ รวมถึงมีการเก็บข้อมูลการศึกษา ประวัติการทำงานที่ผ่านมา รวมถึงงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำก่อนที่จะเป็น CEO

ผลลัพธ์ที่ได้ยืนยันว่า คนหลงตัวเอง มีแนวโน้มที่จะได้เลื่อนขั้นให้เป็น CEO ก่อนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จริง ยิ่งมีความหลงตัวเองมาเท่าไหร่ ก็จะทำให้มีโอกาสได้เป็น CEO มากขึ้น 29%

นอกจากนี้โอกาสที่คนหลงตัวเองจะได้เลื่อนขั้นให้เป็น CEO ยังไม่มีความเกี่ยวข้องกับรูปแบบของบริษัทด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เป็นธุรกิจครอบครัว หรือบริษัทอื่นๆ ก็ตาม

ทำไมคนหลงตัวเอง ก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า

ทำไมคนหลงตัวเองจึงมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่าคนที่ไม่หลงตัวเอง นักวิจัยให้เหตุผลว่าคนที่หลงตัวเองจะฉายแววความเป็นดาวขององค์กร แถมยังมีความมั่นใจ ทะเยอทะยาน และเลือกที่จะมองหาตำแหน่งที่เป็นผู้นำขององค์กรมากกว่าคนทั่วไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนหลงตัวเองได้รับการเลื่อนขั้นได้เร็วกว่า

อย่างไรก็ตามการได้คนหลงตัวเองก้าวขึ้นมาเป็น CEO ของบริษัท ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เพราะโดยปกติแล้วคำว่าหลงตัวเองมักถูกตีความว่าเป็นผู้ที่มีนิสัยไม่ดี ซึ่งบางครั้งอาจสร้างผลเสียให้กับองค์กร ซึ่งผลการวิจัยก็พบว่า ผู้นำองค์กรที่หลงตัวเอง จะขัดขวางการสื่อสารในองค์กร และทำให้พนักงานมีความสุขน้อยลง

รวมถึงในด้านความเสี่ยงในการทำธุรกิจ การได้คนหลงตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำ แสดงถึงการขาดประสบการณ์ในการทำงาน เพราะคนกลุ่มนี้มักได้เลื่อนขั้นขึ้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย ได้เป็น CEO เร็ว แต่ดันไม่มีประสบการณ์เมื่อเทียบกับคนที่มีอายุมากกว่า

คนหลงตัวเอง คือคนที่กล้านำเสนอตัวเอง

สิ่งหนึ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนจากงานวิจัยชิ้นนี้ คือ คนหลงตัวเองคือคนที่กล้านำเสนอตัวเอง แสดงความสามารถให้คนอื่นๆ เห็นอยู่ตลอดเวลา รู้ว่าตัวเองมีจุดเด่นอยู่ตรงไหน และเลือกแสดงจุดเด่นนั้นให้คนอื่นๆ เห็น จนได้รับโอกาสในหน้าที่การงานที่มากกว่า ได้เลื่อนตำแหน่งเร็วกว่า

เทียบกับคนที่เป็นคนเก่งบางคน แต่ไม่ได้หลงตัวเอง อาจไม่กล้านำเสนอจุดเด่นของตัวเองให้คนอื่นๆ รับรู้ จนสุดท้ายกลายเป็นว่าก็พลาดโอกาสที่จะได้เลื่อนตำแหน่งให้กับคนที่หลงตัวเอง ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้คือ ความเก่งจำเป็นในการทำงาน แต่การนำเสนอตัวเองก็สำคัญเช่นกัน แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเก่งแล้ว ต้องรู้จักนำความเก่งของตัวเองให้คนอื่นรู้ด้วย เก่งแค่ในพื้นที่ของตัวเอง ก็คงไม่ได้รับโอกาสเลื่อนตำแหน่งเร็วๆ

ที่มา – PsyPost

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา