จากร้านเดียวโดดๆ สู่ 60 สาขาทั่วโลก ‘นารากรุ๊ป’ ทำยังไง? ขายอาหารไทยได้ 2 พันล้าน

อาหารไทยโกอินเตอร์แล้ว ร้านอาหารไทยฝีมือคนไทยจะไประดับโลกบ้างได้ไหม?

nara

‘นารากรุ๊ป’ (NARA Group) คืออาณาจักรร้านอาหารที่มีสาขาถึง 63 แห่งใน 8 ประเทศ ประกอบด้วยธุรกิจอาหารในเครือถึง 9 แบรนด์ ได้แก่

  1. NARA Thai Cuisine
  2. Apinara Thai Cuisine and Bar
  3. Lady Nara
  4. โค ลิมิเต็ด
  5. “แอน” ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่
  6. อั้งม้อ
  7. บ้านนอกเข้ากรุง
  8. หมี่บ้านเอง
  9. EL MERCADO

‘นราวดี ศรีกาญจนา’ ประธานกลุ่มเจ้าหน้าที่บริหารนารากรุ๊ปและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์นารา เผยภายในงาน SCALE FAST – Business Accelerator Summit 2025 ว่า วิสัยทัศน์ขององค์กรคืออยากให้ทั่วโลกรู้จักพวกเขาในฐานะผู้นำกลุ่มร้านอาหารจากประเทศไทย

สงสัยไหมว่านารากรุ๊ปเติบโตมาขนาดนี้ได้อย่างไร? มาดูกัน

จากไอเดียที่เกิดตอนเดินผ่านแยกราชประสงค์ สู่เครือร้านอาหารยอดขายทะลุ 2,000 ล้าน

Nara
ภาพจาก Facebook: NARA Thai Cuisine

จุดเริ่มต้นของนารากรุ๊ปเกิดขึ้นในปี 2003 โดย ‘นราวดี’ กับ ‘สิริโสภา จุลเสวก’ ซึ่งแรงบันดาลใจของการก่อตั้งร้านอาหารนั้น เธอมองว่ามาจาก ‘โอกาส’

เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว นราวดีทำงานแถว ‘สี่แยกราชประสงค์’ และต้องเดินผ่าน ‘ศูนย์การค้าเอราวัณ’ ทุกวัน

เดินไปเดินมา นราวดีก็สังเกตว่า ละแวกนั้นกำลังจะเปลี่ยนที่จอดรถมาเป็นรีเทล ประกอบกับการที่เมื่อ 20 กว่าก่อน ยังไม่มีใครทำธุรกิจร้านอาหารไทยแถวสี่แยกราชประสงค์อย่างจริงจัง ส่งผลให้เธอปิ๊งไอเดีย เปิด ‘NARA Thai Cuisine’ ขึ้นมา

จากไอเดียเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเดินผ่านแยกราชประสงค์ทุกวัน สู่ NARA Thai Cuisine วันนี้ ที่มีถึง 11 สาขา แถมถ้าอิงจากงบการเงินของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว จะเห็นอีกว่า บริษัท นาราไทย คูซีน จำกัด เติบโตขึ้นทุกปี โดย

    • 2021: รายได้ 121 ล้านบาท / ขาดทุน 99 ล้านบาท
    • 2022: 319 ล้านบาท / ขาดทุน 31 ล้านบาท
    • 2023: 587 ล้านบาท / กำไร 18 ล้านบาท
    • 2024: 809 ล้านบาท / กำไร 72 ล้านบาท (กำไรเพิ่ม 300%)

นี่เป็นเพียงตัวเลขของแบรนด์ NARA Thai Cuisine เท่านั้น เพราะถ้ารวมทั้ง 9 แบรนด์ในเครือแล้ว นราวดีเผยว่าจะมียอดขายมากกว่า 2,000 ล้านบาทเลย

เจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว พร้อมกลยุทธ์ตีตลาดต่างประเทศด้วยแฟรนไชส์

nara
ภาพจากงาน Scale Fast 2025

ในส่วนของกลยุทธ์การขยายสาขานั้น นราวดีเผยว่า ต้องแยกออกเป็น 2 ยูนิตคือ โลเคชันในไทย และโลเคชันต่างประเทศ

สำหรับในประเทศ นราวดีมองว่า บริษัทต้องเลือกสถานที่ที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเดิมทีที่เริ่มสาขาแรกในเอราวัณ เธอก็จับทางได้ว่าธุรกิจของตนตีตลาด ‘นักท่องเที่ยว’ มากกว่าคนไทยในอัตราส่วน 70:30 เลย

ดังนั้น เมื่ออยากขยายโลเคชันใหม่ในไทย นราวดีก็จะดูว่า มีศูนย์การค้าไหนที่มีลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวเยอะบ้าง แล้วจึงพิจารณาในการเปิดสาขาที่นั่น

“ตอนนี้ร้านของเราก็เกาะอยู่ตามสถานีรถไฟ (BTS) มีเซ็นทรัลเวิล์ด เอราวัณ เซ็นทรัลเอ็มบาสซี เอ็มควอเทียร์ สยามพารากอน เอ็มสเฟียร์ เทอร์มินัล 21 อโศก ไอคอนสยาม และเราก็เปิดที่พัทยากับเชียงใหม่ด้วย ฉะนั้น สำหรับทุกคน คุณจะทำแบรนด์อะไรก็แล้วแต่ สถานที่ต้องตรงกับ product ของคุณ” นราวดีกล่าว

ในส่วนของการขยายไปต่างประเทศ นราวดีอธิบายว่า บริษัทต้องพึ่งคนที่เราร่วมลงทุนด้วย และต้องพึ่ง ‘Franchisee’ (ผู้ซื้อแฟรนไชส์) เพราะพวกเขาคือบุคคลที่จะเลือกสถานที่ให้ 

ด้วยเหตุนี้ นราวดีเผยว่า การเลือก Franchisee นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยคุณสมบัติคร่าวๆ ที่ทางองค์กรมองหาคือ

  • เป็นบริษัทที่มั่นคง หากอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งดี
  • เป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจร้านอาหาร
  • เข้าใจนารากรุ๊ป รู้ว่าโพสิชันขององค์กรอยู่ตรงไหน 
  • มีคอนเนคชันที่ดีกับบรรดาเจ้าของที่ดินในประเทศนั้นๆ

นราวดีมองว่า แฟรนไชส์คือโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายไวทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะถ้าแบรนด์คุณมีตัวตนอยู่แล้ว ก็ไปอยู่ได้ทุกที่

ที่สำคัญ เมื่อขายแฟรนไชส์สำเร็จเจ้าหนึ่ง นารากรุ๊ปก็จะได้เงินก้อนมา แถมยังมีค่าสิทธิ (Royalty Fee) ทุกเดือน โดยไม่ต้องไปกังวลเรื่องต้นทุนการดำเนินงานในแต่ละเดือนเลย เพราะ Franchisee เป็นคนจัดการหมด

พอสาขาเยอะ รสชาติอาหารและคนจึงสำคัญมาก

Nara
ภาพจาก Facebook: NARA Thai Cuisine

ถ้าสาขาเยอะขนาดนี้ นารากรุ๊ปควบคุมคุณภาพยังไง?

นราวดีตอบว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจร้านอาหารที่มีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศคือ ‘รสชาติอาหาร’ ซึ่งทางบริษัทก็มีการ OEM ซอสทุกอย่างที่ต้องใช้ อาทิ ซอสผัดไทยและซอสต้มยำ เพื่อที่ทุกสาขาทั่วโลกจะได้ทานรสมือเหมือนกันหมด

ยิ่งไปกว่านั้น นารากรุ๊ปยังมี ‘ครัวกลาง’ ให้สาขาในไทยด้วย โดยนราวดีอธิบายว่า 

“ครัวกลางก็จะมาซัพพอร์ตให้กับร้านอาหารหน้าร้านว่า เส้นเราแพ็กมาแล้ว หมูเนื้อเราแพ็กมาแล้ว เขาได้แค่แกะแล้วทำเลย แล้วลูกค้าก็จะไม่คอมเพลนว่า อุ๊ย ทำไมวันนี้ ในราดหน้า เราได้หมูแค่ 3 ชิ้น น้อยจังเลย ลูกค้าทุกคนจะได้มาตรฐานที่เท่ากัน”

นอกจากนั้น การบริหารคนก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งนราวดีมีหลักการในการดูแลบุคลากรดังนี้

  1. รับคนที่พร้อมเรียนรู้ไปกับองค์กร เพราะนราวดีรู้ว่า คนทำงานในครัวคงทำผัดไทยหรือราดหน้าเป็นกันทุกคนอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้พวกเขาทำตามสูตรของนารากรุ๊ป เพราะหากดื้อ มันก็อาจผิดมาตรฐานไป
  2. จัดการการอบรมดีๆ ให้พนักงาน เพื่อที่พวกเขาจะต่อยอดให้บริษัทได้
  3. รักษาบุคลากรไว้ เพราะนราวดีอยากสร้างบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่นให้พนักงานรู้สึกรักองค์กร โดยต้องมีวัฒนธรรมการทำงานที่ดี และหากจะเลื่อนตำแหน่ง ควรมองคนข้างในก่อนไปรับคนข้างนอก 

อ่านมาถึงตรงนี้ หากใครเริ่มรู้สึกอยากขายแฟรนไชส์ธุรกิจของตนเองบ้าง นราวดีขอฝากไว้ว่า 

“คุณพร้อมหรือยังที่จะเอาลูกไปให้เขาเลี้ยง? เลือกพาร์ทเนอร์ให้ดี และสำหรับตัวดิฉันเอง ในการทำธุรกิจ นอกเหนือจากรักลูกคุณแล้ว คุณต้องมีแพสชัน เพราะสำหรับตัวดิฉันคือ รักในสิ่งที่ทำ นำสู่ความสำเร็จ”

สำหรับใครที่อ่านจบแล้วมีไฟอยากทำธุรกิจบ้าง แต่ไม่รู้จะทำอะไร งั้นลองมองสิ่งที่ใกล้ตัวตนเองที่สุดดูสิ ไม่แน่ คุณอาจผุดไอเดียเจ๋งๆ เหมือนกับนราวดีที่เกิดแรงบันดาลใจจากการเดินผ่านแยกราชประสงค์ทุกวันก็ได้นะ

ที่มา: NARA Cuisine, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา