กลับมาอีกครั้งสำหรับงาน Thailand Mobile Expo มหกรรมการจำหน่ายมือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย อ้างอิงจากยอดผู้เข้าร่วมงานนับแสน และเงินสะพัดหลายพันล้านบาทระหว่าง 4 วันที่จัดงาน
ทั้งยังเป็นอีกครั้งที่ M Vision ผู้จัดงานเลือกจัดงานคู่ขนานกับงานใหญ่ โดยคราวนี้มากับงาน EV Expo เกาะกระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตในประเทศไทย รวมถึงได้อานิสงส์จากงานมหกรรมท่องเที่ยวที่จัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
ทำไม M Vision ถึงเลือกใช้กลยุทธ์ดังกล่าวในการโหมโรงตลาดโทรศัพท์มือถือช่วงต้นปี Brand Inside ชวนมาหาคำตอบจาก โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอ็ม วิชั่น ไปด้วยกัน
Thailand Mobile Expo ในยุคมือถือโตลำบาก
โอภาส เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันใกล้จะถึงจุดสูงสุดของเทคโนโลยี กล่าวคือผู้ผลิตต่างมีเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน เช่น กล้อง และระบบประมวลผล แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นไม่สามารถสร้างความแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าที่ทำตลาดได้ ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ จูงใจลูกค้าได้ลำบากกว่าเดิม
“สมาร์ตโฟนแต่ละรุ่นมีเทคโนโลยีที่คล้าย ๆ กัน และผมมองว่าน่าจะมีแค่เรื่องหน้าจอที่วัดกันเรื่องความแตกต่างได้ แต่ด้วยการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องการระบายหน้าจอแบบเดิมให้หมดสต๊อกก่อน ซึ่งคาดว่าต้องรอเวลาอย่างน้อย 2 ปี พวกเขาถึงจะกล้าทำตลาดจอพับ หรือจอโค้งเต็มตัว และจูงใจลูกค้าด้วยความแตกต่างดังกล่าวได้”
งาน Thailand Mobile Expo ครั้งนี้ที่จัดระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ. 2023 จึงเป็นงานที่เน้นให้ดีลเลอร์ของแบรนด์ต่าง ๆ มาระบายสินค้าในสต๊อกผ่านการทำโปรโมชันเป็นหลัก แต่ตัวงานมีการกระตุ้นลูกค้าด้วยของใหม่ เช่น การเปิดให้รับสมาร์ตโฟน Samsung Galaxy S23 ครั้งแรกในประเทศไทยที่นี่ และมีการเปิดตัวสมาร์ตโฟน One Plus รุ่นใหม่ เช่นกัน
จัดการย่อยเพิ่มเสริมเพิ่มแรงดึงดูดผู้เข้าร่วม
การไม่มีเทคโนโลยีที่ใหม่จริง ๆ ของสมาร์ตโฟนคือเรื่องที่เกิดขึ้นมา 1-2 ปี ทำให้ M Vision เลือกจัดงานอื่นเพิ่มเติมคู่ไปกับงาน Thailand Mobile Expo ในพื้นที่เดียวกัน โดยครั้งนี้ผู้จัดเลือกจัดงาน Bangkok EV Expo งานแสดง และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมีแบรนด์ผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่ายมาร่วมงานจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมี Thailand Invest Expo งานสัมมนาที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมเพื่อรับฟังข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ต่อยอดมาจากงาน Crypto Expo ที่เคยจัดไปสองครั้งก่อนหน้านี้ และงานเหล่านี้ยังจัดชนกับงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2566 ถือเป็นการกลับมาของการจัดงานชนกับงานอื่น ช่วยเพิ่มกลุ่มคนเข้าร่วมงานให้หลากหลายขึ้น
“การจัดงานอื่น ๆ ที่ล้อไปกับงาน Thailand Mobile Expo ค่อนข้างประสบความสำเร็จ เพราะถ้าอ้างอิงจากการจัดงาน Crypto Expo ที่พบว่าคนที่สนใจสกุลเงินดิจิทัลก็สนใจโทรศัพท์มือถือ และกล้าจับจ่ายภายในงาน ดังนั้นจะเห็นการใช้กลยุทธ์นี้เพื่อขับเคลื่อนงาน Thailand Mobile Expo ในอนาคตมากขึ้น”
ถึงปรับ แต่ตลาดยังซบ ทำเงินสะพัดเท่าเดิม
ถึงจะใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ช่วยดึงดูดผู้เข้าชมงาน แต่ โอภาส ยอมรับว่า Thailand Mobile Expo ครั้งนี้จะมีเงินสะพัดภายในงานราว 1,200 ล้านบาท และมีผู้เข้าชมงานทั้ง 4 วัน ราว 4 แสนคน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่แตกต่างจากการจัดงานครั้งปลายปี 2022 เนื่องจากภาพรวมตลาดสมาร์ตโฟนยังมีปัญหาเรื่องเทคโนโลยีใหม่ และสินค้าที่จำหน่ายในงานส่วนใหญ่เป็นสินค้าลดราคา
“ช่วงพีค ๆ ของงาน Thailand Mobile Expo เคยมีเงินสะพัดภายในงานมากกว่า 3,000 ล้านบาท และมีผู้เข้าชมงานกว่า 7 แสนคน แต่เวลานั้นเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือจูงใจลูกค้าให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ได้จริง แตกต่างกับปัจจุบันที่รุ่นใหม่กับรุ่นเก่านั้นต่างกันไม่มาก เมื่อเป็นแบบนี้ความจำเป็นที่จะเปลี่ยนก็ลดลง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Thailand Mobile Expo ครั้งนี้ผู้จัดเพิ่มห้องอีก 1 ห้องเมื่อเทียบกับงานครั้งเมื่อปลายปี และเปิดประตูเชื่อมกับงานท่องเที่ยว ทำให้งานดูโปร่ง และใหญ่กว่าเดิม ส่วนภาพรวมการจำหน่ายสินค้าภายในงานจะเน้นไปที่สินค้าลดราคาเป็นหลัก และมีร้านค้ารายย่อยกลับเข้ามาซื้อบูทเพื่อจำหน่ายสินค้ามากกว่างานครั้งก่อนหน้าชัดเจน
สรุป
การจัดงานจำหน่ายสินค้าเวลานี้แทบทุกงานจะเน้นไปที่การดึงดีลเลอร์มาจัดโปรโมชันลดราคาเพื่อระบายสินค้าเก่าให้หมด เพื่อนำเงินก้อนนี้ไปซื้อสินค้าใหม่จากแบรนด์ และเติบโตไปด้วยกันได้เหมือนเดิม ซึ่งงาน Thailand Mobile Expo นั้นเห็นเหตุการณ์นี้ได้ชัด เพราะดีลเลอร์แทบทุกรายขนสินค้ามาลดราคา รวมถึงตัวสินค้าใหม่ที่เมื่อซื้อในงานจะลดราคาหลักพันบาทด้วย
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา