หนุ่มสาวจีนชอบ Minimal ทำผลกำไรของ Muji สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัท

เดิมทีคนจีนที่เริ่มมีสตางค์จะชื่นชอบของหรูหรา และสินค้า Brand Name แต่ตอนนี้ความคิดของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ชอบสินค้าจากธรรมชาติ และมีความเรียบง่ายมากขึ้น ซึ่ง Muji ก็ได้อานิสงส์นี้ไปเต็มๆ

หน้าร้าน Muji

ใช้ชีวิตหรูแบบเรียบงานคือทางคนจีนยุคใหม่

อย่างที่กล่างไปข้างต้นว่าชนชั้นกลางที่เริ่มมีรายได้มากขึ้นในประเทศจีน ก่อนหน้านี้ก็จะตอบแทนตัวเองด้วยการใช้สินค้าหรูหรา เพราะมันแสดงให้เห็นว่าตัวเองรวยในระดับหนึ่ง แต่นั่นอาจเป็นแค่ความคิดของคนจีนยุค Generation X เพราะปัจจุบันหนุ่มสาววัย Millennial นั้นมองว่าของหรูหรานั่นแสดงให้เห็นถึงความฟุ่มเฟือย

Satoru Matsuzaki ประธานของ Ryohin Keikaku หรือผู้ให้บริการร้าน Muji เล่าให้ฟังว่า หนุ่มสาวชาวจีนยุคใหม่นั้นเริ่มชื่นชอบความเรียบง่าย และอยากใช้สินค้าอะไรที่ดีๆ ไม่จำเป็นต้องเป็น Brand Name ก็ได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มเครื่องสำอางที่ต้องทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ แถมยอมจ่ายแพงกว่าถ้าสินค้านั้นดีจริงๆ

“เราเห็นเรื่องนี้จากสาขาในประเทศจีนที่มี 29 แห่ง เพราะสินค้า Skin Toner ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติของ Muji นั้นขายดีมาก จนยอดขายสินค้าความงามคิดเป็น 1 ใน 4 ของยอดขายทั้งหมดก็ว่าได้ ซึ่งต่างกับสาขาในประเทศญี่ปุ่นที่สินค้าความงามคิดเป็น 16% ของยอดขายเท่านั้น”

ความเรียบง่ายของ Muji

และเมื่อเป้าหมายหลักของร้าน Muji คือนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสม ประกอบกับการออกแบบสินค้าที่เรียบง่าย จึงไม่แปลกเลยที่ยอดขายในจีนนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กำไรจากการดำเนินงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 27% เป็น 20,400 ล้านเยน (ราว 6,000 ล้านบาท) ในปีปฏิทิน 2561

แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ร้านค้าจากญี่ปุ่นรายนี้ก็ต้องเปิดหน้าร้านในประเทศจีนอีก 35 สาขาภายในปีปฏิทินนี้ด้วย ถือเป็นการขยายตลาดอย่างรวดเร็ว ส่วนกำไรจากการดำเนินงานในประเทศญี่ปุ่นนั้นเติบโตเพียง 3% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่า 29,400 ล้านเยน (ราว 8,600 ล้านบาท)

และนอกจากประเทศจีนแล้ว Muji ยังมียอดขายในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก เช่นฮ่องกง, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อเจาะไปที่ยอดขายในร้านเดียวกันเทียบกับปีปฏิทินก่อน (Same-Store Growth) เพิ่มขึ้น 4.5% เลยด้วย ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทในปีปฏิทิน 2561 ยังสูงเป็นประวัติศาสตร์ โดยอยู่ที่ 33,300 ล้านเยน (ราว 9,600 ล้านบาท) ด้วย

สรุป

เรียกว่าเป็นโชคดีของ Muji ก็ว่าได้ เพราะการตีตลาดในประเทศจีนแบบแตกละเอียดนั้นทำให้บริษัทมีผลกำไรมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว เพราะชาวจีนยุคใหม่นั้นมีกำลังซื้อสูง รวมถึงกล้าที่จะซื้อสินค้าในราคาที่สูงกว่าหามันดีจริง ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าทิศทางนี้จะเกิดขึ้นที่ไหนอีกบ้าง และจะช่วยให้ Muji เติบโตขึ้นไปได้อีกมากแค่ไหน

อ้างอิง // Nikkei Asian Review

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา