ใครจะไปเชื่อว่า ‘ข้าวมันไก่’ อาหารสตรีทฟู้ดของคนไทย จะขายดีถล่มทลาย จนขายหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง
Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ ‘ฐิตาภัสร์ วีระปฐมศักดิ์’ เจ้าของร้าน ‘หมึกมันไก่’ ที่กำลังเป็นกระแสทั่วบ้านทั่วเมือง เลยอยากแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จนี้ให้ทุกคนได้อ่านกัน
จากร้านกะเพราสู่ข้าวมันไก่ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา
จริงๆ แล้ว ก่อนมาเปิดร้านข้าวมันไก่ เดิมที ‘ฐิตาภัสร์’ เคยเปิดร้านขายกะเพรามาก่อน ซึ่งร้านกะเพราของเธอก็ขายดีมาก แต่ปัญหาคือ เธอเป็น “คนขายดี แต่ไม่มีกำไร” พอธุรกิจเจอกับโควิด สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลง
เมื่อกิจการร้านกะเพราทรุดลง ‘ฐิตาภัสร์’ จึงตัดสินใจสานฝันการเปิดร้านข้าวมันไก่ของตนเอง ด้วยความที่เดิมเธอชอบกินข้าวมันไก่อยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะพัฒนาเมนูนี้ และหากมองในมุมธุรกิจ เมนู ‘ข้าวมันไก่’ สามารถทำกำไรได้มากกว่า
แน่นอนว่า การเปิดกิจการใหม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ แถมยังเจอกับช่วงโควิดอีก เธอจึงอาศัยจังหวะนี้ ไปเรียนรู้และฝึกฝนเพิ่มเติมประมาณ 2-3 ปี โดยไปเรียนทำข้าวมันไก่มาจากหลายที่ รวมแล้ว 7-8 แห่งเลย
ฐิตาภัสร์เผยว่า ตอนไปเรียนทำข้าวมันไก่มา บางที่เธอก็ชอบสูตรข้าว หรือบางที่ก็ชอบสูตรไก่ เธอจึงเอามาผสมผสานกัน จนเกิดเป็น ‘หมึกมันไก่’ แบบทุกวันนี้
แม้จะมั่นใจในรสชาติแล้ว แต่เธอก็บอกว่า หลังจากเปิดกิจการ ข้าวมันไก่ของตนยังถูกพัฒนาไปอีกเยอะมาก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่หยุดที่จะเรียนรู้หาอะไรใหม่ๆ มาให้ลูกค้า
ในเมื่อเจ้าของร้านไม่เคยหยุดพัฒนา มันก็คงไม่แปลกที่หมึกมันไก่จะประสบความสำเร็จชนิดที่ว่า เปิดขายในแพลตฟอร์มเดลิเวอรีไม่กี่นาที ก็หมดแล้ว
เคยเกือบเลิกขาย เพราะฮอตเกิน
ดังขนาดนี้ รู้หรือไม่ หมึกมันไก่เพิ่งจะเปิดร้านได้แค่ 10 เดือนเท่านั้น และมีแค่สาขาแค่เพียงสาขาเดียว
ฐิตาภัสร์ เล่าว่า ใน 1 วัน ร้านใช้ไก่ประมาณ 40 ตัว พร้อมน่องสะโพกอีก 130 กิโล ซึ่งหากนับรวมๆ แล้ว แปลว่าหมึกมันไก่ใช้ไก่ประมาณ 4 ตันต่อเดือนเลย
ในส่วนของยอดขาย หมึกมันไก่ทำรายได้ประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อเดือน แถมยังโตขึ้นตลอด ชนิดที่ว่ายอดขายที่สูงที่สุดก็คือยอดขายของเดือนล่าสุดนั่นเอง
แต่เส้นทางความสำเร็จของหมึกมันไก่ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่หลายคนคิด เพราะฐิตาภัสร์เผยว่า จริงๆ แล้วเกือบเลิกทำหมึกมันไก่แล้ว ด้วยปัญหาคุณภาพวัตถุดิบและการจัดการร้าน
“เราไม่เคยคิดว่าลูกค้าจะเยอะขนาดนี้ เราไม่ได้เตรียมรับมือไว้ เพราะฉะนั้น แรงกดดันมันหลายด้าน เดือนที่ 3 พี่ก็อยากปิด”
ฐิตาภัสร์ อธิบายว่า ตอนแรกหมึกมันไก่ตั้งเป้าจะขายให้ได้แค่วันละ 5,000 บาทด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นอาชีพเสริม แต่พอขายดี ประกอบกับเจอแรงกดดันเยอะๆ ก็ทำให้รู้สึกว่ามันกดดันเกินไป ทำแล้วไม่มีความสุข
แน่นอนว่า ถ้าฐิตาภัสร์ตัดสินใจปิดไปตั้งแต่เดือนที่ 3 เราคงไม่เห็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เพราะตอนนี้หมึกมันไก่สามารถจัดการทุกอย่างได้แล้ว และภายในปี 2025 ก็หวังจะโตอีก 100% ไปสู่ยอดขาย 70-100 ล้านบาท
เท่านั้นยังไม่พอ ในปีนี้ เธอยังตั้งใจที่จะขยายหมึกมันไก่เพิ่มอีก 7 สาขาในกรุงเทพมหานคร รวมถึงทำครัวกลาง เพื่อคุมคุณภาพอาหารให้มีไก่คุณภาพดีใช้ตลอดทั้งปีด้วย
ดังได้เพราะโซเชียล อยู่ได้เพราะความตั้งใจ
บางคนอาจสงสัยว่า หมึกมันไก่ดีจริงไหม หรือเป็นแค่กระแสในโลกออนไลน์
ฐิตาภัสร์เล่าว่า “หมึกมันไก่เริ่มดังตั้งแต่วันที่ 4 ของการเปิดร้าน พี่โชคดีที่มีเพื่อนของเพื่อนเป็นคนมีชื่อเสียงเข้ามาทานแล้วโพสต์ ตอนแรกทุกคนก็พูดว่าจะไม่โพสต์นะ เพราะเป็นมือใหม่มาก แต่พอได้กิน ก็บอกว่าควรนำเสนอให้คนรู้จัก ก็เลยโพสต์ หลังจากนั้นก็มีคนมีชื่อเสียงมา ทุกอย่างเป็น Organic เราไม่เคยเสียเงินโปรโมตเลย”
หากจะบอกว่าโชคช่วยก็อาจได้ แต่อย่าลืมนะ ถ้าของไม่ดีจริง คงไม่เกิดเป็น Word of Mouth กระจายไปทั่วขนาดนี้
เมื่อถามว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้แบรนด์ขายดี ฐิตาภัสร์เผยว่า มันคือความตั้งใจที่อยากทำแบรนด์ออกมาให้คนธรรมดาๆ เข้าถึงง่ายที่สุด
“เรามีความตั้งใจที่จะชนะตัวเองในทุกๆ วัน มันก็จะท้าทาย ของของเราก็จะมีคุณภาพขึ้นทุกวัน” เธอเชื่ออย่างนั้น
ฐิตาภัสร์ยอมรับว่า หมึกมันไก่มาไกลเกินฝันมาก แต่เป้าหมายที่มองตลอดคือ อยากทำวันนี้ให้ชนะเมื่อวาน ต้องรักษาคุณภาพให้ดีขึ้นทุกวัน และความสุขลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ
หมึกมันไก่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจไทยที่ทำให้เห็นว่า การจะประสบความสำเร็จได้ ทัศนคติของผู้บริหารก็สำคัญไม่แพ้กัน และ Brand Inside หวังว่าเรื่องราวของหมึกมันไก่จะปลุกไฟให้เจ้าของกิจการหลายๆ คนได้ไม่น้อย
แล้วพวกเราจะพาทุกคนไปรับชมความสำเร็จของแบรนด์ไทยเจ้าไหนอีก รอติดตามกันได้เลย
- จากเด็กที่ชอบทำขนม สู่เจ้าแม่ ‘ช็อคโกแลตดูไบ’ ขายได้วันละ 1,500 ชิ้น
- ‘ข้าวโซอิ’ ถึงถูกด่าก็ไม่เป็นไร เพราะ “ผมอยากพาข้าวซอยไทยไปเวทีโลก”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา