ยังคงทำผลงานได้ดีเหมือนเดิมกับ ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ ที่ล่าสุดได้รายงานผลการเติบโตในปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 71,800 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโตมากถึง 13%
โดย ‘สาระ ล่ำซำ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า ที่มาของการเติบโตมาจากกลุ่มสินค้าหลักอย่างเช่น
- กลุ่ม Shield Life ที่หมายรวมถึงประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบภายในระยะเวลา ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ เติบโต 42%
- กลุ่มประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง (รายเดี่ยว) เติบโต 24%
ไม่ได้เติบโตแค่ในไทย แต่ CLMV ก็ดีด้วย
นอกจากธุรกิจในไทย ธุรกิจของ ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ ในภูมิภาค CLMV เองก็มีผลการดำเนินที่แข็งแกร่งด้วย ได้แก่
- กัมพูชา : Sovannaphum Life Assurance มีส่วนแบ่งในตลาด 19%
- กัมพูชา : Dara Insurance มีกำไรสุทธิเติบโต 31%
- เวียดนาม : MB Ageas Life ขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในธุรกิจประกันภัยโดยธนาคารพาณิชย์
- ลาว : ST-Muang Thai Insurance มีส่วนแบ่งในตลาด 63% และเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจประกันชีวิตลาว
ขณะเดียวกัน คะแนน NPS (Net Promoter Score) ของเมืองไทยประกันชีวิตก็ยังขยับขึ้นจาก 58 คะแนน เป็น 75 คะแนน และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ (Stable Outlook) และ Fitch Ratings ที่ระดับ A- และ AAA (tha) (Stable Outlook)
รวมถึงยังมีอัตราส่วนความเพียงพอของกองทุนมากกว่า 350% เหนือกว่าระดับเงินกองทุนตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดไว้ที่ 140%
คำถามต่อไป คือ หลังจากเติบโตแข็งแกร่ง ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ จะทำอะไรต่อไป เพื่อรักษามาตรฐานในใจผู้บริโภค
ลูกค้าจะมีความสุขได้ คนทำงานต้อง ‘มืออาชีพ โปร่งใส ไว้วางใจได้’
ซีอีโอของเมืองไทยประกันชีวิต อธิบายว่า หลังจากแน่วแน่ในการเป็นแบรนด์แห่งการสร้าง ‘ความสุข’ และ ‘รอยยิ้ม’ มาต่อเนื่องหลายปี ปีนี้กลยุทธ์ของเมืองไทยประกันชีวิต คือ “Boost Your Happiness by Our People บูสต์ความสุขของคุณด้วยคนของเมืองไทยประกันชีวิต”
หรือแปลออกมาให้เข้าใจง่ายๆ เมืองไทยประกันชีวิตจะพัฒนาองค์กรในทุกๆ ส่วน โดยเฉพาะส่วนของ ‘คน’ เพื่อให้เมืองไทยประกันชีวิตสามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้
3 สิ่งที่ ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ คิดว่าจะช่วยให้ลูกค้าทุกคนมีความสุขมากขึ้นได้ คือ
- ความเป็นมืออาชีพ
- ความโปร่งใสและสะดวกสบาย
- ความไว้วางใจ
โดยบริษัทจะส่งมอบสิ่งเหล่านี้ผ่าน 3 ส่วน คือ ผลิตภัณฑ์ประกัน บริการ และความยั่งยืน
ดังนั้น เมืองไทยประกันชีวิตจึงมีแผนที่จะพัฒนาพนักงานและฝ่ายขายให้มีความสามารถรอบด้านมากขึ้น เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า
แต่วิธีการแบบไหนนั้นมาเจาะวิธีคิดของซีอีโอเมืองไทยประกันชีวิตกัน
เตรียมอัปสกิลคนใน ต้องรอบด้านและลงลึก
‘สาระ’ ให้ภาพกว้างๆ กับเราว่า ในอนาคตทั่วโลกจะต้องการ ‘คนทำงาน’ ที่มีสกิล ‘เรียนรู้ตลอดชีวิต’ และจะต้องสามารถ ‘รู้กว้าง’ และ ‘รู้ลึก’ ไปด้วยได้พร้อมๆ กัน โดยซีอีโอของเมืองไทยประกันชีวิตยกตัวอย่างให้เห็นภาพด้วยโมเดลตัว I กับตัว T
เพราะเมื่อก่อนตลาดแรงงานต้องการคนที่ ‘รู้ลึก’ เรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว หรือรู้ลึกแบบตัว I แต่ในเวลาต่อมาตลาดแรงงานต้องการคนที่มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและรู้กว้างในหลายๆ สาขาด้วย หรือ รู้ลึก 1 เรื่อง รู้กว้างหลายๆ เรื่องแบบตัว T
ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เมื่อบริบทโลกเปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี คนทำงานก็จะต้องรู้กว้างด้วยและรู้ลึกหลายเรื่องมากขึ้นแบบตัว M นั่นเอง
เมืองไทยประกันชีวิต จึงมีแผนจะอัปสกิลให้กับคนทำงานในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- เพิ่มทักษะการใช้ข้อมูลและ AI ในกระบวนการทำงาน
- เพิ่มทักษะการสื่อสารและการบริหาร
- เพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- เพิ่มความเชี่ยวชาญในหลายมิติ
ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะสร้างความสุขภายในองค์กร เพื่อให้ ‘คนของเมืองไทยประกันชีวิต’ ที่มีความหลากหลายสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะในองค์กรก็มีคนหลายเจนที่มีทักษะและวัฒนธรรมแตกต่างกัน แต่ก็ได้รับอิสระในการตัดสินใจทำงานและขับเคลื่อนจากองค์กร
วางแผนทุกช่วงของชีวิต บานเย็นบานสะพรั่งทั่วไทย
ซีอีโอของเมืองไทยประกันชีวิต บอกว่า บริษัทจะช่วยลูกค้าวางแผนสำหรับทุกช่วงของชีวิต ทั้งวางแผนทางการเงิน วางแผนเกษียณ วางแผนสุขภาพ และวางแผนมรดก หมายรวมถึงประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตควบการลงทุน
โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษที่เน้นความยืดหยุ่น 3 ฟีเจอร์ ได้แก่ ความคุ้มครองที่ปรับแต่งได้ ความคุ้มครองที่ปรับได้ตามช่วงชีวิตของลูกค้า และการเติมเต็มความคุ้มครองที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
และเปิดให้ลูกค้าซื้อประกันได้จากหลากหลายช่องทาง อย่างเช่นช่องทางตัวแทน ช่องทางธนาคาร ช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ ช่องทางออนไลน์ และพาร์ทเนอร์ต่างๆ รวมถึงบริการอื่นๆ อย่างช่องทางสาขา Call Center 1766 แอปพลิเคชัน MTL Click เมืองไทยสไมล์คลับ และ MTL Fit
“ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่ให้ความคุ้มครองกับลูกค้าในระยะยาว เมืองไทยประกันชีวิตจึงให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกก้าว ในปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นปีที่สีบานเย็นจะบานสะพรั่งทั่วประเทศ โดยเมืองไทยจะยกระดับความสุขให้กับทุกคน ทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ พนักงานและฝ่ายขาย เพื่อมอบความสุขให้ลูกค้าต่อไป”
- ศึกษาแคมเปญ True Story จาก เมืองไทยประกันชีวิต กับความคุ้มครองสุขภาพที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคน
- เมืองไทยประกันชีวิต เปิด 66 Tower อาคารออฟฟิศเกรดเอ ย่านสุขุมวิท ตอบโจทย์ออฟฟิศสำหรับคนยุคใหม่ครบครัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา