รู้จัก MR. D.I.Y. ร้านจิปาถะจากมาเลเซีย ตีตลาดร้าน 20 บาทด้วยราคาเริ่มต้น 5 บาท

ทำความรู้จักร้าน MR. D.I.Y. ค้าปลีกรายใหญ่จากมาเลเซียที่ทำตลาดในไทยได้ 2 ปีแล้ว ขยายสาขาแบบเงียบๆ วางจุดยืนเป็นร้านไลฟ์สไตล์ จิปาถะราคาเริ่มต้น 5 บาท หวังตีตลาดร้านทุกอย่าง 20 บาทได้กระจุย

เริ่มจากอุปกรณ์แต่งบ้าน สู่ทุกสรรพสิ่งในชีวิตประจำวัน

หลายคนคงเคยเห็นร้าน MR. D.I.Y. กันมาบ้างแล้วตามห้างต่างๆ ในไทย ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศมาเลเซีย ได้เริ่มก่อตั้งในปี 2548 จุดเริ่มต้นมาจากทางผู้บริหารมองเห็นว่าตลาดที่ประเทศมาเลเซียมีผู้บริโภคที่ต้องการซ่อมบ้านด้วยตัวเองอยู่เยอะ ปกติแล้วต้องหาซื้ออุปกรณ์จากหลายๆ ร้าน ทำให้ไม่สะดวก จึงคิดว่าทำร้านค้าที่รวมของในที่เดียว

ในตอนแรกเน้นสินค้าฮาร์ดแวร์ก่อน พวกอุปกรณ์ซ่อมบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จากนั้นก็ได้รับผลตอบรับดีมีการบอกต่อกัน มีทั้งกลุ่มพ่อบ้านแม่บ้านเข้าร้าน ตอนหลังจึงเพิ่มสินค้าในกลุ่มอื่นๆ เข้ามา และมีการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว จนในปัจจุบันมีทั้งหมด 415 สาขา

เมื่อขยายที่มาเลเซียจนเต็มที่แล้ว ได้เวลาขยายสู่ต่างประเทศ ได้เลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรก MR. D.I.Y. เปิดสาขาแรกในไทยที่ซีคอน บางแคเมื่อปี 2559 จริงๆ ก็คือได้ทำตลาดมา 2 ปีแล้วแต่ไม่ได้มีการทำการตลาดมากนักในปีนี้จะเป็นการบุกตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น

ตีตลาดร้านทุกอย่าง 20 บาท ในราคาเริ่มต้น 5 บาท

ร้าน MR. D.I.Y. ได้วางจุดยืนเป็นร้านกลุ่มไลฟ์สไตล์ สินค้าจิปาถะต่างๆ มีตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ ถ้าให้มองคู่แข่งโดยตรงก็คือร้านทุกอย่าง 20 บาทที่ได้เห็นตามตลาดนัด หรือในห้างสรรพสินค้าบางแห่ง รวมไปถึงร้านไลฟ์สไตล์จากต่างแดนที่ตบเท้าเข้ามาในไทยกันอย่างต่อเนื่องทั้ง Miniso, Daiso ที่มีทั้งราคาเดียว และหลายราคา

สินค้าทุกอย่างจะมาจากประเทศจีน แต่ด้วยความที่เป็นธุรกิจสเกลใหญ่ทำให้ดีลกับโรงงานที่ประเทศจีน และได้ในราคาถูก MR. D.I.Y. จึงมีเพดานราคาที่ต่ำ สามารถตั้งราคาที่ต่ำได้จริงๆ ทำให้ร้านชูจุดเด่นเรื่องราคาถูก สินค้าราคาเริ่มต้นที่ 5 บาทไปจนถึงหลักพัน

ภายในร้านมีสินค้ากว่า 20,000 รายการ ครอบคลุม 9 กลุ่ม ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือฮาร์ดแวร์, ของใช้ในครัวเรือน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์ประดับยนต์, ของเล่น, เครื่องเขียน, ของขวัญ, กีฬา, เครื่องประดับและเครื่องสำอาง สินค้าที่ขายดีที่สุดเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และของใช้ในครัวเรือน

นรินติยา เสาวณีย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า

ตลาดประเทศไทยใหญ่เป็นอัน 2 รองจากมาเลเซีย เพราะตลาดมีศักยภาพ และกำลังซื้อคนไทยสูง รวมถึงพฤติกรรมคนไทย ซื้อง่ายขายคล่อง ถ้าราคาไม่สูง ชอบสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพง เมื่อเราควบคุมในราคาต่ำสุดได้ ทำให้ตีตลาดได้ง่าย

โดยที่ตอนนี้ได้พูดคุยกับผู้เล่น FMCG อย่าง P&G และยูนิลีเวอร์ ในการนำสินค้ากลุ่มแชมพูเข้ามาจำหน่ายภายในร้าน เนื่องจากแบรนด์มองเห็นศักยภาพของร้าน และกลุ่มลูกค้าที่เป็นพ่อบ้านแม่บ้าน ตรงกลุ่มกับทางแบรนด์เช่นกัน

ไม่กลัวคู่แข่งในตลาด ต้องสู้กับการรับรู้ของคนเรื่องสินค้าจีน

สำหรับความท้าทายในการทำตลาดของ MR. D.I.Y. นรินติยามองว่าไม่ได้อยู่ที่ร้านคู่แข่งในตลาด แต่เป็นเรื่องของการรับรู้ของผู้บริโภคมากกว่า เพราะคนไทยยังมีการรับรู้กับสินค้าจีนไม่ดีนัก เป็นความท้าทายที่ต้องต่อสู้อย่างหนัก

สิ่งที่ต้องสู้ตอนนี้ไม่ใช่กับร้านอื่น แต่ต้องการให้คนแยกภาพร้านออกจากแบรนด์จีนก่อน เพราะคนไทยมีการรับรู้ว่าสินค้ามาจากจีนไม่ดี แต่จริงๆ หลายๆ แบรนด์ก็มาจากจีนทั้งนั้น ต้องการสร้างการรับรู้ว่าร้านเราไม่ใช่สินค้าจีนโนเนม แต่คัดสินค้าที่มีคุณภาพ และการันตีได้สามารถคืนเงินภายใน 7 วัน

2 ปี 100 สาขา และต้องมี 350 ภายในปี 2563

ปัจจุบัน MR. D.I.Y. มีสาขาในประเทศไทยรวม 100 สาขา เน้นทำเลในห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัล เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี รวมไปถึงห้างท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดด้วย นอกจากห้างก็มีทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรม สถานศึกษา และสแตนอโลน

มีการตั้งเป้าว่าภายในปี 2563 จะต้องมีสาขารวม 350 สาขา เป็นการลงทุนเองทั้งหมดเพราะต้องการควบคุมคุณภาพด้วยตัวเอง ไม่มีโมเดลแฟรนไชส์ การขยายสาขาจะใช้พื้นที่เฉลี่ย 930 ตารางเมตร

ทำให้ตอนนี้ MR. D.I.Y.  มีสาขารวมทั้งหมด 550 สาขา ใน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมีแผนจะบุกประเทศสิงคโปร์ในอนาคต

สรุป

ตลาดค้าปลีกในเมืองไทยได้เห็นโมเดลร้านรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น และการทำตลาดจากต่างชาติ ถ้าถามว่าร้านรูปแบบนี้ได้พบเห็นทั่วไปจากร้านทุกอย่าง 20 บาท แต่ MR. D.I.Y. สร้างจุดแข็งยิ่งกว่านั้นด้วยการกดราคาที่ต่ำกว่า และมีสินค้าที่ครอบคลุมมากกว่า ต้องการให้คนเข้าร้านแล้วมีทุกอย่างครบ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา