อินเดียแซงจีน ขึ้นแท่นประเทศผู้ผลิต iPhone ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุดในโลก

‘อินเดีย’ กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการผลิตสมาร์ทโฟนระดับโลก เมื่อ Apple เร่งขยายกำลังผลิต iPhone จนทำให้ ‘Made in India’ แซงหน้า ‘Made in China’ ขึ้นแท่นฐานการผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดสำหรับตลาดสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก

ข้อมูลจาก Canalys ระบุว่า ในไตรมาสที่ 2/2025 ‘อินเดีย’ ผลิตสมาร์ทโฟนเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากที่สุด คิดเป็น 44% ของทั้งหมด ตามมาด้วย ‘เวียดนาม’ ที่ครองอันดับสอง ด้วยส่วนแบ่ง 33% เนื่องจากเป็นฐานการผลิตหลักของ Samsung ขณะที่ ‘จีน’ ร่วงลงเหลือเพียง 25% จากที่เคยครองตลาดกว่า 60% เมื่อปีที่แล้ว

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อินเดียกลายเป็นผู้ผลิตหลัก มาจากแผนเร่งขยายการผลิต iPhone ของ Apple ในอินเดียอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้า และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

โดยยอดส่งออกสมาร์ทโฟนที่ผลิตในอินเดียพุ่งขึ้นถึง 240% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการย้ายฐานผลิตออกจากจีนของ Apple เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้ Apple จะเร่งผลิตสมาร์ทโฟนในอินเดีย แต่ยอดส่งออกไปสหรัฐฯ กลับลดลง 11% ในไตรมาสนี้ เพราะบริษัทได้ส่งมอบล็อตใหญ่ไปก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงที่ประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าในช่วงแรกๆ

ขณะเดียวกัน ตลาดสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ โดยรวมก็เติบโตเพียง 1% แม้แบรนด์ต่างๆ เร่งสต็อกสินค้าไว้ก่อน แต่ยอดขายจริงกลับไม่ขยับตาม เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่กลับมาจับจ่ายเต็มที่เหมือนเดิม

การเมืองก็มีส่วนทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนโตน้อยลง

ไม่นานมานี้ การย้ายฐานการผลิตของ Apple ไปอินเดีย ถูก ‘ทรัมป์’ วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเขาต้องการให้ iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ ต้องผลิตและประกอบในสหรัฐฯ เท่านั้น ไม่ใช่ในอินเดียหรือประเทศอื่นๆ 

‘ทรัมป์’ ถึงขั้นขู่จะเพิ่มภาษีอย่างน้อย 25% หาก Apple ไม่ตั้งโรงงานในอเมริกา เนื่องจากเขาเคยเรียกร้องให้บริษัทกลับไปตั้งโรงงานที่สหรัฐฯ แล้วรอบหนึ่ง 

ซึ่งการผลิต iPhone หนึ่งเครื่องไม่ใช่เรื่องง่าย ชิ้นส่วนต่างๆ มาจากประมาณ 40 ประเทศ ตามข้อมูลของ TechInsights และ iFixit หาก iPhone ย้ายมาผลิตในสหรัฐฯ จริงๆ จะกระทบอัตรากำไรของ Apple อย่างมาก เพราะต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากหลายประเทศ

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ไม่มีวิศวกรเครื่องมือ ทรัพยากร และแรงงานที่สามารถรองรับการผลิตที่เพียงพอได้ ต่อให้ใช้ระบบอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์ในการผลิต ก็ไม่เพียงพอ เพราะการประกอบ iPhone ต้องใช้ความแม่นยำระดับสูงด้วย ‘มนุษย์’ เท่านั้น

Apple เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ 5 แสนล้านดอลลาร์ฯ ใน 4 ปี แต่จนถึงตอนนี้ iPhone ก็ยังผลิตนอกประเทศทั้งหมด

นโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าไปยังจีนโดยเฉพาะ กำลังเร่งให้บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนอย่างเร่งด่วน หลายแบรนด์เริ่มย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่า อย่างอินเดียและเวียดนาม เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนภาษีที่สูงขึ้น

โจทย์ใหญ่ของ Apple กับตลาดจีน

แม้ Apple จะขยายฐานการผลิตในอินเดียได้สำเร็จ แต่ในฝั่งตลาดผู้บริโภคจีน กลับเจอปัญหาไม่น้อย

ล่าสุด Apple ประกาศปิด Apple Store ในเมือง ‘ต้าเหลียน’ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทปิดร้านที่บริหารโดยตรงในจีนแผ่นดินใหญ่ ท่ามกลางยอดขาย iPhone ที่ลดลง และการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์จีน

เช่น Huawei ที่แซงขึ้นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง ด้วยส่วนแบ่ง 18% และยอดขาย 12.2 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 2/2025 ขณะที่ Apple ตกไปอยู่อันดับ 5 ด้วยส่วนแบ่งเพียงประมาณ 15%

ส่วนแบรนด์จีนอื่นๆ อย่าง Vivo, Oppo, และ Xiaomi ก็ทำผลงานได้ดีกว่า Apple ตามที่รายงานของ Canalys ระบุว่า ตลาดสมาร์ทโฟนจีนมีแนวโน้มจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในครึ่งหลังของปีนี้

ในภาพรวม Apple กำลังเผชิญกับโจทย์ใหญ่ ทั้งเรื่องการปรับซัพพลายเชนการผลิต และการรักษาส่วนแบ่งตลาด ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจ การเมือง และการแข่งขันที่รุนแรงในทั้งสองฝั่งของโลก

ที่มา: Bloomberg, Reuters, South China Morning Post

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา