ปี 2568 นี้ Moshi ค้าปลีกไทย ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 40 แห่ง
บุญยวีร์ บุญสงเคราะห์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจและการปฏิบัติการ MOSHI พูดถึงผลการดำเนินการของบริษัท Moshi ดังนี้ บริษัทเข้าตลาดมาตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2022 แล้ว และปีที่ผ่านมามีการเก็บข้อมูลว่าลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศชอบสินค้าแบบไหน และมีการสำรวจเทรนด์ใหม่ๆ ต่อเนื่อง
ภาพรวมธุรกิจ
Moshi เริ่มตั้งแต่ทำวิจัยการตลาดทั้งคุณภาพและปริมาณมาอย่างต่อเนื่อง มีซัพพลายเออร์กว่า 200 รายที่ผลิตสินค้าให้ มีทั้งสินค้า Functional และ Emotional เช่น ปีที่แล้วมีของเล่น ของสุ่มมากขึ้น และมีเมมเบอร์กว่า 6 แสนราย มี follower ทุกแพลตฟอร์มกว่า 1.2 ล้านราย ทำให้สื่อสารได้เข้าถึงลูกค้ารวดเร็ว
ปัจจุบัน Moshi มีทั้งหมด 159 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ มีทั้งอยู่ในห้างและ Stand Alone มีร้าน GIANT 1 สาขา มีร้าน Garlic 3 สาขา และมีร้าน The OK Station 1 สาขา
Moshi มีสินค้ากว่า 13 ประเภท มีสินค้ากว่า 20,000 ราย และมีสินค้าใหม่ 1,000 SKU ต่อเดือน มูลค่าตลาดของ Moshi อยู่ที่ 14,025 ล้านบาท (ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025)
นอกจากนี้ Moshi ยังมีการทำโปรเจกต์เพื่อสังคมด้วย ทั้งการมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสนับสนุนสังคม มีทั้งบริจาคสินค้าและเงิน
สำหรับด้านการเงินเติบโต 22.90% เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่และการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 520.68 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเติบโตแบบ New High
รายได้จากการดำเนินการอยู่ที่ 3,111.26 ล้านบาท แบ่งได้ ดังนี้
- 82% สินค้าค้าปลีก (ร้าน Moshi Moshi และร้าน garlic)
- 16.0% สินค้าค้าส่ง (ร้าน Moshi Moshi ที่อยู่สาขาสำเพ็งและ Platinum Fashion Mall, ร้าน GIANT ที่สาขา Platinum) และร้าน OK Station
- 2.0% รายได้จากช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, TikTok และคลังสินค้า
กลยุทธ์ธุรกิจ Moshi ปี 2025
สำหรับเป้าหมายในการเติบโต ตั้งเป้าไว้ที่ 15-20%
1) ตั้งเป้าขยายสาขามากที่สุด จะเปิดเพิ่มอีก 40 สาขา จะเจาะตลาดเพิ่มขึ้น เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ทั้งในกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งสาขาที่เป็น Stand Alone และในห้างใหญ่
2) จะเปิดสินค้าหมวดหมู่ใหม่กว่า 1,000 SKU จะโฟกัสสินค้าลิขสิทธิ์ที่ลูกค้าชื่นชอบมากขึ้น และจะมีสินค้าลิขสิทธิ์ใหม่เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งสินค้าที่ไม่มีลิขสิทธิ์ด้วย เช่น ของใช้ในบ้าน หมวก กระเป๋า กล่องอาหาร
3) ทำการตลาดมากขึ้น จะสร้างความผูกพันกับลูกค้ามากขึ้น โดยมีแผนโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกเพิ่มขึ้น สำหรับตอนนี้มีฐานสมาชิกกว่า 600,000 ราย และมี Member active ประมาณ 1 แสนกว่าราย
ประเภทสินค้าจะเน้นเรื่องของใช้ในบ้านและ Home fashion เพิ่มขึ้น จะมีการควบคุมต้นทุนการผลิตสินค้าและขายในราคาที่เข้าถึงได้และทำการตลาดในช่องทางออนไลน์ให้เติบโตมากกว่าเดิม จากเดิม เน้นสินค้าลิขสิทธิ์ ต่อไปจะเพิ่มประเภทสินค้ามากขึ้น
สำหรับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เปิดได้แล้ว 5 สาขา คือที่ Robinson จังหวัดร้อยเอ็ด, ที่ Big C บางปะกอก, ที่ Lotus บ้านโป่ง, ที่ตลาดโอชอ วัดเทียนดัด จังหวัดนครปฐม และที่ The Fourth พุทธมณฑลสาย 4
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก Moshi Moshi จาก LINE@ จะได้ เช่น ทุกการซื้อสินค้า 25 บาท จะได้รับ 1 คะแนน และสามารถนำคะแนนไปแลกรับส่วนลดได้ เช่น 20 คะแนน ได้ส่วนลด 10 บาท 40 คะแนน ได้ส่วนลด 30 บาท ในเดือนเกิดจะได้รับส่วนลด 15%
การนำแนวคิดพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น ทาง Moshi จะให้ความสำคัญ ESG เพิ่มขึ้น เช่น การออกสินค้าคอลเลกชันที่เป็นรีไซเคิล และโปรเจกต์ที่สนับสนุนสังคมมากขึ้น
สง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์เติบโตต่อเนื่อง มีการเติบโตทั้งบวกและลบ
ปัจจัยบวก ปี 2568
- การกลับมาของนักท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวกลับมาที่ 39 ล้านคน ใกล้เคียงกับช่วงโควิด มีกลุ่มต่างชาติที่ซื้อของฝากเพื่อน จะซื้อสินค้าจำนวนมาก ระดับ 12 ชิ้นขึ้นไป เช่น สินค้าประเภทกระเป๋า
- นโยบายภาครัฐ แม้เป็นนโยบายที่มีระยะเวลาสั้น แต่ก็มีผลต่อธุรกิจ
- เทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันจะให้ความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
ปัจจัยลบ ปี 2568
- สภาวะเศรษฐกิจปี 2568
- การแข่งขันตลาดมากขึ้น เช่นตลาดต่างประเทศ อย่างช่วงปีแรก Moshi เปิดมาพร้อมคู่แข่ง 7-8 รายที่เป็นคู่แข่งต่างประเทศ เพิ่มรายได้จากหลักล้านและพยายามทำให้สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้อันดับ 1 ภายใน 3 ปี ตอนนี้เหลือ ผู้เล่นหลัก 1-2 ราย และเริ่มมีผู้เล่นรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาอีก ทาง Moshi คิดว่าจะใช้ความเชี่ยวชาญเข้าสู้
ปีนี้วางแผนว่าจะเติบโต 15-20% จะเติบโตอย่างไร?
1) ปีนี้ขยายสาขามากที่สุด ประมาณ 40 สาขา รายได้ส่วนหนึ่งมาจากสิ่งนี้ สาเหตุที่ขยายสาขาเพิ่ม เพราะผลตอบรับปี 67 ที่ผ่านมาค่อนข้างดี ก็เปิดมากที่สุด (34 สาขา) และประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก คิดว่าสามารถขยายตลาดได้อีก ตอนนี้เปิดสาขา 63 จังหวัดแล้ว จะพยายามเปิดให้ครบทุกจังหวัด แต่ปีนี้ก็ยังไม่ครบ
2) ร้านค้าเดิม จะสร้างยอดขายเพิ่ม ตั้งเป้าโตเพิ่มขึ้น 35%
3) มีแผนลงทุนงบประมาณปีนี้ ใช้เงินขยายร้าน 280 ล้านบาท และรีโนเวตร้านค้าเดิมกว่า 50 สาขา และขยายพื้นที่คลังสินค้า 3,000 ตารางเมตร (พื้นที่ใช้สอยเดิม 23,000 ตรม.) ปีนี้จะปรับปรุงซอฟต์แวร์ที่เป็นส่วนสำคัญของบริษัท 140-150 ล้านบาท ที่เหลือคือปรับปรุงคลังสินค้าและระบบ และเพิ่งย้ายมาออฟฟิศใหม่ ขนาด 500-1,000 ตรม. ชั้น 8 ครึ่งชั้น และชั้น 9
ปีนี้ การขยายสาขา 40 แห่ง เป็นการเช่าทั้งหมด
ปีที่แล้ว มีการขยายสาขาที่ Stand Alone (คือสาขาที่ไม่ได้อยู่ในห้าง) ไปใกล้บริเวณมหาวิทยาลัย 5 สาขา ปีนี้ขยาย 5 สาขา ขนาด 300 ตรม. ขึ้นไป จำนวน 4 สาขา
ต่อไปจะไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัย จะใกล้ตลาด ใกล้ชุมชนมากขึ้น โดยปกติร้านค้า Stand Alone ทำยอดยากกว่าตามห้างสรรพสินค้า แต่ยอดของปีที่แล้วโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงขยายเพิ่มในปีนี้
จุดเด่นของ Moshi Moshi
ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ทาง Moshi เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคว่าเขาชื่นชอบอะไรบ้าง และในอดีตที่ทำส่วนไหนไม่ดีก็มีการเก็บข้อมูล และมีการปรับตัวค่อนข้างเร็ว ทั้งเรื่องของแฟชั่น การออกสินค้าและลอตสินค้าให้เร็วตรงตามเทรนด์
สินค้าเริ่มต้นที่ราคา 5 บาทขึ้นไป จนถึง 190 บาท เช่น กลุ่มพาวเวอร์แบงค์ เป็นสินค้าเชื่อถือได้ มีประกันสินค้าให้ลูกค้า สัดส่วนราคาที่มีมากที่สุดคือระดับราคาที่ 20-100 บาท มีเกิน 50% สินค้าปัจจุบันมี 13 หมวด
เดิม ผู้บริโภคใช้สินค้าที่ไม่ใช่สินค้าลิขสิทธิ์ เพราะราคาย่อมเยา แต่หลังโควิด เทรนด์ของสินค้าลิขสิทธิ์เติบโตมาก ทำให้ลูกค้านิยมสินค้าคอลเลกชันที่มีลิขสิทธิ์ หรือสินค้าที่มีสตอรี่ มีเรื่องเล่า ปีนี้ผสมผสานระหว่างสินค้าลิขสิทธิ์และไม่มีลิขสิทธิ์ ลูกค้าที่เริ่มอิ่มตัวจากสินค้าลิขสิทธิ์ก็เปลี่ยนมาใช้แบบที่ไม่ใช่ลิขสิทธิ์บ้าง
สินค้าลิขสิทธิ์มี 15% สินค้ากลุ่มไม่ลิขสิทธิ์คือพวกสินค้าของใช้
กลุ่มนักเรียน นักศึกษา กลุ่มคนทำงาน 18-25 ปี คิดว่าบอกต่อสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และกลุ่มของวัยทำงานด้วย เน้นสื่อสารกับคนกลุ่มนี้ นักศึกษา, วัยทำงาน
จุดเด่นที่สำคัญของ Moshi คือ สินค้า 90% ออกแบบและพัฒนาสินค้าเอง แบบนี้ สีนี้ ลายนี้ ต้องซื้อที่ Moshi Moshi เท่านั้น พัฒนาทั้งแพคเกจจิง ดีไซน์ กราฟฟิก ทำให้ยั่งยืน มีการปรับเทสต์ให้เข้ากับคนไทย ถ้าซื้อมาและจีนซื้อมาใกล้เคียงกัน ก็จะไม่หนีกันมาก
คู่แข่งจากจีน ทำให้ปรับตัวเยอะพอสมควรและคิดกลยุทธ์หลายอย่าง ปีที่ผ่านมา รีโนเวตมากถึง 70 สาขา ยอดขายก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ในปีนี้ก็คาดว่าจะมีแบรนด์ยุโรปเข้าา 1 แบรนด์ แต่แบรนด์จีนยังไม่แน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา