หลังจากที่ MOS Burger ในไทยได้เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น “พิธาน องค์โฆษิต” คำถามคือ ก้าวต่อจากนี้ของ MOS Burger ในไทยจะสู้กับเบอร์ใหญ่ๆ ในตลาดเบอร์เกอร์ที่ครอบครองส่วนแบ่งไว้แทบหมดแล้วอย่างไร?
ต้องทำการตลาดใหม่ ของเก่าทำไว้ไม่ค่อยดี
ในงานแถลงข่าวของ MOS Burger เชนร้านเบอร์เกอร์จากญี่ปุ่น โดยบริหารงานโดยบริษัท มอส ฟูดส์ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย) จำกัด แต่ล่าสุดได้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น พิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ ซึ่งในปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท มอส ฟูดส์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) หลังได้เข้าซื้อหุ้น 75% และเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกกว่า 206 ล้านบาท
พิธาน บอกว่า ต่อจากนี้ MOS Burger ไทยจะต้องรุกหนักทางการตลาดมากขึ้น เนื่องจาก “การตลาดของ MOS Burger ไทยที่ทำมาก่อนหน้านี้ค่อนข้างอ่อน”
กลยุทธ์แรกที่จะได้เห็น MOS Burger เดินเกมในไทยหลังจากนี้ พิธาน ระบุว่า จะทุ่มเงินและกลยุทธ์ทำการตลาดอย่างหนัก “เราวางงบการตลาดไว้ที่ประมาณ 7% ของรายได้ อย่างปีที่แล้ว MOS Burger ในไทยมีรายได้ 80 ล้านบาท” นอกจากนั้น “เราจะรวมออกเมนูใหม่ในทุกๆ 2 เดือน เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าตื่นเต้นเสมอ เพราะถ้าพูดเรื่องคุณภาพของเรา วัตถุดิบ 70% มาจากญี่ปุ่น อีก 30% เราปรับในไทยให้เข้ากับลิ้นคนไทย เราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะดึงลูกค้าได้” ไม่หมดแค่นั้น “ตลาดเดลิเวอรี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราต้องการเข้าไปเล่น เพราะปัจจุบัน MOS Burger มีสัดส่วนเดลิเวอรี่เพียง 13-15% แต่เป้าหมายของเราคือ 40% เหมือนกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาด”
ขยายสาขาหลักสิบ แต่เจาะแค่กทม. เท่านั้น
ปัจจุบัน MOS Burger มีสาขาในไทยเพียง 8 สาขาเท่านั้น โดยตั้งอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์, แฟชั่นไอส์แลนด์, เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า สุขุมวิท. เซ็นทรัลพลาซ่า บางนา, เซ็นทรัล พระราม 3, เอ็มโพเรียม, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเทอมินอล 21 (อโศก)
การเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของพิธาน จะขยายสาขาเพิ่ม 6 สาขา นั่นหมายความว่าในปีนี้ MOS Burger จะมีสาขาทั้งหมด 14 สาขาทั่วกรุงเทพ (ยังไม่ได้มีแผนจะขยายออกไปในต่างจังหวัด) โดยหลังจากปีนี้เป็นต้นไป MOS Burger วางแผนขยายสาขาไว้ที่ 9 สาขาต่อปีต่อเนื่องไป 5 ปี คิดง่ายๆ คือในอีก 5 ปีหลังจากนี้ MOS Burger จะมีสาขาในไทยทั้งหมด 59 สาขา
MOS Burger จะสู้รายใหญ่ๆ ได้อย่างไร?
ถ้าดูจากตัวเลขปัจจุบัน MOS Burger ครองส่วนแบ่งตลาดเบอร์เกอร์ที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทเพียง 1% เท่านั้น ส่วนคู่แข่งรายใหญ่ๆ อย่าง McDonald’s, Burger King และแบรนด์อื่นๆ ที่ต่างได้ครองส่วนแบ่งตลาดเบอร์เกอร์ไทยไว้แล้วมากกว่า 90%
- พิธาน มองเห็นถึงเรื่องนี้ดี แต่บอกว่า “ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่มันคนละตลาดกัน จุดยืนของ MOS Burger ไม่เหมือนเบอร์เกอร์ฟาสต์ฟู้ดทั่วไป เราเน้นไปที่คุณภาพของเบอร์เกอร์ หลายคนอาจจะมองว่าราคาคืออุปสรรค แต่เราต้องบอกว่า MOS Burger คืออีกตลาด คือคนละกลุ่มเป้าหมาย (target group)”
- พิธาน บอกด้วยว่า เขาวางเป้า MOS Burger เอาไว้ว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 10% ภายใน 8 ปีหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม พิธาน เปิดเผยว่า ยอดขายของ MOS Burger ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 80 ล้านบาท แต่เป้าหมายต่อไปในอีก 4 ปีหลังจากนี้คือจะมียอดขายให้ได้ 500 ล้านบาท
คงต้องจับตาดูว่า การเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นมาเป็นคนไทยในครั้งนี้ของ MOS Burger จะทำให้ธุรกิจเติบโตจนเป็นที่น่าพอใจได้หรือไม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา