Gen X และ Baby Boomer หลบไป เพราะ Gen Y พร้อมรันวงการอสังหาริมทรัพย์ลักชูรีแล้ว
‘Sotheby’s International Realty’ (SIR) บริษัทนายหน้าระดับโลกพบว่า ช่วงหลังๆ มานี้ ตลาดอสังหาฯ ลักชูรี มีผู้ซื้อเป็นกลุ่ม Gen Y มากขึ้น
เอาจริงๆ ก็ไม่แปลกหรอก เพราะภายในปี 2045 คนรุ่นลูกรุ่นหลาน จะได้มรดกตกทอดจาก Silent Generation และ Baby Boomers รวมๆ เกิน 2.8 พันล้านล้านบาท
แน่นอนว่าอสังหาฯ ที่โดนใจ Gen Y สุดๆ คือที่อยู่อาศัยแบบเทสต์ดี ดูมีประวัติความเป็นมา และตามเทรนด์ เนื่องจากเป็นรุ่นที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ไม่น้อย
ยกตัวอย่างเช่น หลังจาก ‘The White Lotus’ ซีซัน 2 ออนแอร์ไม่นาน ผู้ซื้อชาวอังกฤษและอเมริกันรุ่นใหม่ก็แห่กันไปซื้อบ้านในอิตาลีมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า เนื่องจากซีรีส์เรื่องนั้นถ่ายทำในวิลล่าอิตาเลียนเก่าแก่
หัวหน้าฝ่ายที่อยู่อาศัยของ SIR สาขาอิตาลีมองว่า ในสายตาคนรุ่นใหม่ การครอบครองวัตถุที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จะบ่งบอกสถานะทางสังคมของตนเอง และรายการทีวีต่างๆ ก็กำลังเปลี่ยนมุมมองที่พวกเขามีต่อความหรูหราด้วย
Nelson เสริมว่า นอกจากมุมมองเรื่องความหรูหราที่ต่างจากคนรุ่นอื่นแล้ว Gen Y ยังมีวิธีซื้อไม่เหมือนใคร เพราะปัจจุบัน 75% ถึง 90% ของนายหน้าบริษัทเขา หาลูกค้ากลุ่มนี้ได้จาก Instagram
นี่ไม่ใช่ประเด็นน่าสนใจเรื่องเดียวของวงการอสังหาริมทรัพย์ลักชูรี และจะมีอินไซต์อะไรอีกบ้าง มาดูกันเลย
คนรวยเตรียมย้ายไป UAE

อันดับแรกคือ คนรวยราวๆ 135,000 คนมีแนวโน้มจะย้ายประเทศในปี 2025 มากกว่าปี 2024 ประมาณ 7,000 คน
จุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนกลุ่มนี้คือ ‘สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์’ (UAE) ที่เพิ่งต้อนรับคนรวยไปถึง 6,700 คนเมื่อปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
Nelson เล่าว่า UAE เป็นเหมือนกับแม่เหล็กดึงดูดคนรวยแถบยุโรป เพราะมีทั้งแรงจูงใจด้านภาษี วีซ่าทอง แถมไลฟ์สไตล์คนในภูมิภาค โดยเฉพาะดูไบ ก็พรีเมียมโดนเส้นคนติดหรูสุดๆ
สหรัฐฯ ไม่ใช่บ้านในฝันของคนรวย แต่ยังพอมีหวัง
ในทางกลับกัน แม้สหรัฐอเมริกาจะเป็นประเทศที่มีคนรวยต่างชาติเข้ามาซื้อบ้านสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ 2024 แต่ก็ยังไม่มากพอ เพราะถือเป็นยอดที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2009 ด้วยซ้ำ
ถ้าดูจากตัวเลขระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงมีนาคม 2024 มีชาวต่างชาติมาซื้อบ้านในสหรัฐฯ เพียง 54,300 หลัง ตีเป็นตัวเลขราวๆ 1.4 ล้านล้านบาท น้อยกว่าปี 2017 เกือบๆ 4 เท่า
แต่ Nelson ไม่อยากให้สหรัฐฯ หมดหวังขนาดนั้น เพราะตราบใดที่บ้านแพงหูฉี่เหล่านี้ยังขายออก ก็เท่ากับว่าอสังหาฯ ลักชูรีในประเทศยังอยู่ในสายตาคนรวยๆ จากเมืองนอกเมืองนาอยู่บ้าง
ที่สำคัญ Nelson เชื่อว่า ถ้าในอนาคตจำนวนอสังหาฯ ให้ลงทุนคงที่กว่านี้ ชาวต่างชาติก็น่าจะอยากมาซื้อกันมากขึ้น เพราะปัจจุบัน ลูกค้าไม่ค่อยอยากเดินทางมาดูบ้านที่สหรัฐฯ เท่าไหร่ เนื่องจากกว่าจะบินมาถึง ก็อาจไม่เหลือหลังไหนให้ซื้อแล้ว
สาวโสด Gen Y ไม่ง้อผู้ชาย กล้าบุกตลาดอสังหาฯ ลักชูรีมากขึ้น
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ ในปี 2024 20% ของผู้ซื้อบ้านเป็นเพศหญิง และ 62% เป็นคู่รัก
แม้ตัวเลขอาจดูไม่สูงมาก แต่ถ้าเทียบกับสถิติในปี 1981 ที่มีเพศหญิงซื้อบ้านเพียง 11% และคู่รักอีก 73% จะเห็นได้เลยว่า เทรนด์โลกตอนนี้กำลังเปลี่ยนไปแล้ว
‘Bradley Nelson’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ SIR เผยว่า ปัจจุบัน สาวโสดมีความมั่นใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ต้องมีคู่ครองมาจุนเจือมากขึ้น และพวกเธอก็เห็นโอกาสการลงทุนด้วย
ไม่ใช่แค่สาวโสดเท่านั้นที่ผันมาเป็นตัวแม่วงการอสังหาฯ แต่รวมถึงหญิงโสดสูงอายุที่พร้อมลดขนาดที่อยู่อาศัย แล้วย้ายไปอยู่บ้านที่ตรงกับความต้องการตามช่วงวัย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางของสหรัฐฯ รายงานว่า ในปี 2030 ราวๆ 38% ของสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ทั่วประเทศจะกลายเป็นของผู้หญิง ซึ่งตีเป็นมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านล้านบาท
นักลงทุนอสังหาฯ ยังขอตังจากพ่อแม่อยู่
แม้กลุ่มลูกค้าจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่สิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิมคือ แหล่งเงินทุนที่เอามาซื้อ เพราะต่อให้รวยล้นฟ้า ชนิดที่ว่าเป็นอภิมหาเศรษฐีแล้ว บางคนก็ยังต้องขอเงินพ่อแม่อยู่
SIR เผยว่า 42% ของอสังหาฯ ในสหราชอาณาจักรถูกขายให้ผู้ซื้อที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี และได้รับเงินทุนจากผู้ปกครอง
ด้าน CEO ของ SIR สาขาสเปนยืนยันด้วยตาตนเองเลยว่า พ่อแม่ทั่วแถบละติน ทั้งเม็กซิโก เวเนซุเอลา และไมอามี ยินดีเปย์เงินให้ลูกๆ วัยผู้ใหญ่ไปเรียนหนังสือหรือสร้างธุรกิจในเมืองหลวงอย่าง มาดริด
เอาเข้าจริง การใช้เงินพ่อแม่มาลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะพวกเขาคงอยากให้ลูกมีรายได้และไม่ต้องลำบากในอนาคต
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเทรนด์จะเป็นแบบไหน มีพ่อแม่เปย์ไหม? นักลงทุนเป็นเพศอะไร? อายุเท่าไหร่? หรือชอบบ้านประเทศไหน? ก็คงไม่สำคัญ ขอแค่ยังมีคนซื้อ วงการอสังหาฯ ลักชูรีก็จะดำเนินต่อไปได้ แต่จะโตไหมนั้น ก็อาจขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและสังคม
ที่มา: Bloomberg, Sotheby’s International Realty
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา