ระหว่างที่รอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงการเปิดสภา คสช. ได้ใช้อำนาจมาตรา 44 อีกครั้งก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้ผู้ที่ประมูลคลื่นความถี่ 900MHz จาก กสทช. ให้สามารถแบ่งชำระเงินประมูล โดยแบ่งเป็น 10 งวด กำหนดจ่ายปีละงวด งวดละเท่าๆ กัน เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งผู้รับใบอนุญาตที่ประมูลคลื่น 900MHz มี 3 ราย คือ AIS, True และ dtac
พร้อมทั้ง เปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 22 ช่อง สามารถคืนใบอนุญาตได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2 งวดที่เหลือ โดยทั้ง 2 กรณีต้องแจ้งไปยัง กสทช.ภายใน 30 วัน รายละเอียดคำสั่งดังกล่าว ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อย
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/093/T_0004.PDF
ผลประโยชน์หมื่นล้านสู่นายทุน
กรณีดังกล่าว นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI ได้โพสต์บนเฟสบุ๊ก ระบุว่า การออกคำสั่งของ คสช. มาตรา 44 เพื่อยืดหนี้ให้กับบริษัทโทรศัพท์มือถือ 3 รายคือ เอไอเอส ทรู และดีแทค มีผลทำให้ราคาหุ้นของบริษัทสูงขึ้น แสดงว่าคำสั่งดังกล่าวมีผลให้บริษัททั้งสามได้ประโยชน์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางรายบอกว่า ทรูจะได้ประโยชน์มากที่สุด ในขณะที่ดีแทคจะได้ผลประโยชน์น้อยที่สุด เพราะหนี้งวดสุดท้ายที่จะถูกยืดออกไปมีมูลค่าน้อยที่สุด แต่จากการคำนวณ พบว่าทั้งสามบริษัทจะได้ประโยชน์ใกล้เคียงกัน คือ ได้ประโยชน์ไปประมาณ 8,000 ล้านบาท
ผู้ที่เสียเปรียบจากมาตรการดังกล่าว คือ ประชาชนผู้เสียภาษี การที่รัฐยืดหนี้ให้ทั้งสามรายคือ การยกผลประโยชน์ของประชาชน 2.4 หมื่นล้านบาท ให้กับนายทุนโทรคมนาคม
แลก 5G ไม่ชัดเจน รัฐบาลขาดความรับผิดชอบ
สำหรับการยืดหนี้เพื่อแลกกับการที่ทั้งสามรายเข้าประมูลคลื่นความถี่ 5G ไม่สมเหตุสมผลหลายประการ เช่น ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมและความจำเป็นต้องประมูลคลื่น 5G ในปีนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ไม่มีใครสัญญาว่าจะเข้าประมูล 5G เลย โดยต่างพูดตรงว่า ต้องดูเงื่อนไขการประมูลและราคาเริ่มต้นก่อน
หากมีการใช้มาตรการดังกล่าวจริง (ซึ่งล่าสุดได้ประกาศในราชกิจจาฯ แล้) ต้องถือว่า รัฐบาลประยุทธ์ขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่ง ทั้งในทางกฎหมายและในทางการเมือง ในทางกฎหมาย การใช้คำสั่งตามมาตรา 44 จะทำให้คสช. และรัฐบาลพ้นความรับผิดทางกฎหมาย ประชาชนไม่สามารถไปฟ้องร้องต่อศาลได้
ส่วนในทางการเมือง การดำเนินการในช่วงหลังเลือกตั้งทำให้ไม่ถูกคู่แข่งโจมตีในการเลือกตั้งว่า เอื้อประโยชน์ให้นายทุน และการดำเนินการในช่วงก่อนสงกรานต์ ก็ถือเป็นการใช้จังหวะที่ประชาชนติดตามข่าวสารกันน้อยเพราะเป็นวันหยุดยาว
หากรัฐบาลและ คสช. ซึ่งมาจากการยึดอำนาจและกล่าวหารัฐบาลก่อนหน้านี้ว่าทุจริตคอรัปชั่น ต้องออกคำสั่งใช้มาตรการพิเศษ เพื่อทำเรื่องที่ไม่จำเป็น สร้างความเสียหายต่อประชาชน และทำลายความน่าเชื่อถือในการทำสัญญากับภาครัฐ เพียงเพื่อเอื้อนายทุน เราคงอดคิดไม่ได้ว่า แม้คสช. จะประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่รัฏฐาธิปัตย์แท้จริงที่เหนือกว่า คสช. ก็คือกลุ่มทุนบางกลุ่มนั่นเอง
อ้างอิง – Facebook
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา