เผยเทคนิคบริหารพนักงาน 7,400 คนของ “มิตรผล” ที่ทำให้ Turnover ลดเหลือแค่ 4.3% ต่อเดือน

การบริหารจัดการคนเป็นเรื่องยากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากกลุ่ม Millennial ค่อนข้างมีบทบาทกับองค์กรเยอะ แต่พวกเขามีความคิดที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆ มาก แล้วทำ “มิตรผล” ถึงดึงคนกลุ่มนี้ไว้ในองค์กรได้จำนวนมากล่ะ?

พนักงานมิตรผล

พยายามเข้าถึงพนักงานทุกระดับมากกว่าเดิม

ปัจจุบัน “มิตรผล” คือหนึ่งในองค์เก่าแก่ และมีขนาดใหญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ผ่านพนักงานที่ปฏิบัติการในไทยกว่า 7,400 คน แถม 70% ยังเป็นกลุ่ม Millennial ด้วย ซึ่งการจะรักษาคนกลุ่มนี้ไว้จนมีอัตราการไหลออกของพนักงาน หรือ Turnover Rate เพียง 4.3% ต่อเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

บวรนันท์ ทองกัลยา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและบริหาร ของมิตรผล เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ Millennial เป็นใหญ่ในองค์กรจริงๆ เพราะกินสัดส่วนมากที่สุด โดย Baby Boomers เป็นเพียง 5% และที่เหลือเป็น Generation X ดังนั้นการให้ความสำคัญกับ Millennial ก็ต้องทำให้ดี แต่ก็ลืมกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้เช่นกัน

บวรนันท์ ทองกัลยา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและบริหาร ของมิตรผล

“เชื่อว่าองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยตอนนี้ก็คงเหลือ Baby Boomers ราว 5% เหมือนมิตรผล ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็ขึ้นไปอยู่ระดับบริหารเกือบทั้งหมดแล้ว แต่ถึงจะน้อย เราก็ต้องให้ความสำคัญกับพวกเขาเหมือนกับ Millennial ที่มีจำนวนมาก ยิ่งช่วงนี้กำลังพลค่อนข้างขาดแคลน ก็ทำให้เราต้องเน้นเรื่องนี้ยิ่งกว่าเดิม”

ถ้าเมื่อไรวัดค่าได้ ก็จะจัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตามการเข้าถึงพนักงานมากขึ้นด้วยวิธีต่างๆ เช่นการจัดกิจกรรมร่วมกัน, การลดช่องว่างระหว่างระดับผู้บริหาร กับปฏิบัติการ รวมถึงการทำ Stay Interview หรือสัมภาษณ์พนักงานเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในตอนนี้ อาจให้คำตอบในการบริหารไม่ได้ทั้งหมด จึงต้องหาบริษัทกลางมาช่วยวัดเพื่อหาความจริงว่าตอนนี้องค์กรเป็นอย่างไร

4 กลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากรณ์บุคคลของมิตรผล

“ผมเชื่อว่าถ้าเมื่อไรมันวัดค่าได้ ก็จะจัดการปัญหาได้ จึงนำเอาองค์กรเข้าไปจัดอันดับนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยที่จัดโดย AON และศศินทร์ และก็ได้รางวัลมา ซึ่งมันก็ช่วยชี้ว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว แต่ด้วยองค์กรเราต้องขับเคลื่อนด้วย Millennial ในอนาคต การปลูกฝังความเป็นผู้นำให้กับพวกเขาจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายหลังจากนี้”

สำหรับการบริการงานทรัพยากรณ์บุคคลของมิตรผลนั้นจะมี 4 กลยุทธ์หลักคือ Inspiration Leader, Open Mined-Open Door, Empowering People และ Employee Experience ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อัตรา Turn Over ต่อเดือนเหลือแค่ 4.3% และต่อปีเหลือ 6% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ต่อปี 12%

การเกิดขึ้นของโครงการ Accelerator เพื่อกระตุ้นพนักงาน Millennail

ใช้ Continue Performance Management คู่ KPI

“เมื่อ Millennial เยอะ และพวกเขาคืออนาคตของบริษัท การสอนเรื่องความเป็นผู้นำก็สำคัญมาก และต้องให้คนทุกระดับมาแบ่งบันประสบการณ์ จะได้ช่วยยกระดับซึ่งกันและกัน และสร้างความใกล้ชิดให้กับพวกเขา แต่เราก็ต้องท้าทายพวกเขาด้วยโปรเจคใหม่ๆ บ้าง เพื่อกระตุ้น Mindset แบบ Startup ที่คนรุ่นใหม่ค่อนข้างชอบ”

ขณะเดียวกันด้วยตัวโลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทก็มีการใช้การวัดผลแบบดั้งเดิมอย่าง KPI ควบคู่ไปกับ Continue Performance Management หรือการประชุมระหว่างพนักงาน, หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูง เพื่อปรับเป้าหมายไปด้วยกันทุกไตรมาส คล้ายกับที่บริษัทเทคโนโลยีใช้ OKR ในการกำหนดเป้าหมายพนักงาน

การพบปะระหว่าง CEO กับพนักงานระดับปฏิบัติการ

“ตอนนี้เราอยู่ระหว่างปรับองค์กรให้เป็น Agile มากขึ้นด้วย เพราะถ้ามันแบน และทุกคนได้คุยกันหมด ก็น่าจะช่วยยกระดับการทำงานไปอีกขั้น โดยตอนนี้มีทดลองมีการทดลองใชในบางหน่วยงานที่ต้องรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอยู่ตลอด ส่วนเรื่อง KPI เรายังคงเอาไว้ แต่แค่ใช้ผสานกับ Continue Performance Management”

World Class Organization ภายในปี 2563

ทั้งนี้ “มิตรผล” ตั้งเป้าว่าตัวองค์กรจะเป็น World Class Organization ที่เป็นมากกว่าแค่นายจ้างดีเด่นที่เคยรับรางวัลมาก่อนหน้านี้ ผ่านการนำระบบ Agile มาใช้ในองค์กรได้เต็มรูปแบบ รวมถึงปรับโครงสร้างองค์กรให้สามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่ Millennial มีอำนาจในบริษัท

โรงงานน้ำตาลมิตรผล

“เรายังเน้นรับคนที่เป็นเด็กจบใหม่ มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ โดยไปดูพวกเขาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยปี 3-4 และดึงมาฝึกงานก่อน เพราะเชื่อว่าเด็กที่ฟิตกับองค์กรจริง ไม่ได้วัดจากแค่การสัมภาษณ์ แต่ในบางตำแหน่งที่ต้องการคนมีประสบการณ์จริงๆ เราก็ยังรับอยู่เช่นเดียวกับองค์กรอื่น”

ตอนนี้ธุรกิจหลักของ “มิตรผล” มีอยู่ 3 อย่างคือ ธุรกิจน้ำตาล, ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ รวมถึงเป็นองค์กรที่มีการขยายธุรกิจไปในประเทศต่างๆ และมีศักยภาพในการแข่งขันเกี่ยวกับสินค้าน้ำตาลกับประเทศคู่แข่งในระดับโลกได้เป็นอย่างดี

สรุป

การบริหารคนในยุคนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะ Millennial ส่วนใหญ่ก็อยากมีตัวตน อยากมีความท้าทาย ดังนั้นการมอบสิ่งใหม่ๆ ให้กับพวกเขา ประกอบกับการปรับความคิดผู้บริหารระดับสูงที่ตอนนี้น่าจะอยู่ในวัย Generation X หรือ Baby Boomers ให้ได้ ก็น่าจะเป็นเรื่อที่ดีที่สุดในการรักษาคนคุณภาพให้อยู่กับองค์กรได้นาน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา