อ่านเกม “มินิทเมด” จับคู่ “ดอยคำ” เมื่อนำแบรนด์ 2 ซีกโลกมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น

เป็นอีกหนึ่งดีลล่าสุดในตลาดน้ำผลไม้มินิทเมดจับมือร่วมกับดอยคำนำผลผลิตที่ได้จากเกษตรกรในเครือข่ายของดอยคำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มมินิทเมด ประเดิมน้ำมะเขือเทศผสมเนื้อส้ม และน้ำเสาวรสผสมน้ำผึ้ง และมะนาว

มินิทเมดจับมือแบรนด์โลคอลครั้งแรก

ถือเป็นหนึ่งในดีลล่าสุดในตลาดน้ำผลไม้ เมื่อ 2 แบรนด์ที่มีความแตกต่างคนละวัฒนธรรมอย่างมินิทเมดในเครือ Coca-Cola เป็นโกลบอลแบรนด์ระดับโลก ได้ทำการพาร์ทเนอร์กับดอยคำแบรนด์ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเป็นธุรกิจเพื่อสังคม

มินิทเมดได้ทำตลาดในประเทศไทยกว่า 13 ปีแล้วที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการตลาดที่หวือหวาเท่าไหร่นักส่วนใหญ่เป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์เพื่อสร้างการรับรู้ เพราะตลาดน้ำผลไม้ในเมืองไทยแข่งขันกันดุเดือดจริงๆ

ความร่วมมือนี้เป็นความร่วมมือระยะยาว โดยการใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรไทยจากดอยคำ เป็นผลไม้ต่างๆ นำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้พร้อมดื่มมินิทเมด เริ่มต้นจาก มินิทเมด น้ำมะเขือเทศผสมเนื้อส้ม และมินิทเมด น้ำเสาวรสผสมน้ำผึ้งและมะนาว

ซึ่งเป็นความร่วมมือพิเศษเฉพาะในประเทศไทย ที่ Coca-Cola จับมือกับแบรนด์โลคอลในประเทศในการออกสินค้าใหม่ ในต่างประเทศก็ไม่เคยมีความร่วมมือในรูปแบบนี้

ช่วยเหลือเกษตรกรแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด

เบื้องหลังของความร่วมมือนี้ พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เล่าว่า

ในตอนแรกนั้นรู้จักกับทางคุณพรวุฒิ สารสินที่เป็นประธานกรรมการ บริษํท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ได้คุยกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรไทย เรื่องผลผลิตล้นตลาด เลยคิดว่ามาจับมือกันใช้จุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์มารวมกัน มินิทเมดเป็นแบรนด์ระดับโลก มีการทำงานในรูปแบบสากล ก็เรียนรู้ Know How และการกระจายสินค้าได้ ส่วนดอยคำเชี่ยวชาญเรื่องหาวัตถุดิบ

ดอยคำมีเกษตรกรในเครือข่ายอยู่ราว 5,000 รายวัตถุดิบหลักยังคงเป็นมะเขือเทศเพราะเป็นสินค้าขึ้นชื่อของดอยคำและยังมีเสาวรสที่เป็นผลไม้ที่มาแรงในตอนนี้สามารถปลูกได้ทั้งปี

ในแต่ละปีดอยคำรับซื้อผลผลิตมะเขือเทศจากเกษตรกรปีละ 30,000 ตัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมี 2,000-5,000 ตัน ส่วนเสาวรสมีการรับซื้อที่ 4,000-5,000 ตัน

แต่ที่เริ่มมีปัญหาผลผลิตล้นตลาดนั้น พิพัฒพงศ์บอกว่าจะมีช่วงหนึ่งที่มีการส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่เมื่อตลาดต่างประทเศเริ่มดรอปลงมาก็กลายเป็นว่าผลผลิตล้นในประเทศ ตอนนี้เลยทำให้เสาวรสเกิดภาวะ Over Supply อยู่บ้าง

พาดอยคำให้แมส ให้มินิทเมทมีรสชาติใหม่ๆ

อีกหนึ่งความสำคัญของดีลนี้ในแง่ของเกมการตลาด แน่นอว่ามินิทเมดได้ในเรื่องผลิตทางการเกษตร ไม่ต้องไปสรรหาวัตถุดิบให้เสียเวลา แถมยังได้รสชาติใหม่ๆ อยู่ตลอด ซึ่งทางดอยคำเป็นแบรนด์ไทย มีความเข้าใจในพฤติกรรมคนไทยว่าชอบผลไม้ประเภทไหนอยู่แล้ว

ส่วนทางด้านของดอยคำนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญเพราะได้พาแบรนด์ตัวเองไปอยู่บนขวด PET ในแง่ของ Positioning ก็ช่วยทำให้แบรนด์แมสมากขึ้น เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น จากเดิมที่ดอยคำวางจุดยืนตัวเองให้อยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยม

ในอนาคตยังมีการปรึกษากันอยู่ว่าจะนำผลผลิตอะไรมาอยู่บนมินิทเมดได้อีก ที่สนใจมีพีช และแอปเปิ้ล ซึ่งต้องดูความต้องการของผู้บริโภคอีกที

สรุป

การร่วมมือกันครั้งนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย ถือเป็นการการปรับตัวกันทั้งสองฝ่าย ต่างเอาจุดแข็งมารวมกัน เพราะตลาดน้ำผลไม้ไม่ได้มีการเติบโตมาหลายปีแล้ว ในครั้งนี้อาจจะเป็นการสร้างสีสันให้ตลาด และทำให้ตลาดโตเพิ่มขึ้นด้วยก็ได้    

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา