ไมเนอร์ เปิดงบไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิพุ่ง 3,005 ล้านบาท ครึ่งปีแรกพลิกฟื้นจากปีก่อนติดลบ

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก 2566 พบว่า ไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 3,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แสดงถึงการฟื้นตัวหลังช่วง COVID-19 ที่ผ่านมาทั้งจากธุรกิจกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร โดยบริษัทมีรายได้โดยรวมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 40,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%YoY 

ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรก 2566 MINT มีรายได้รวมจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,358 ล้านบาท พลิกฟื้นจากที่ครึ่งปีแรก 2565 ติดลบถึง 2,371 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 73,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37%YoY

เนื่องจากไตรมาส 2/66 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวและร้านอาหารฟื้นตัวขึ้นมา โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ราคาค่าห้องพักเฉลี่ยสูงขึ้น และกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปที่มีผลการดำเนินงานดีกว่าช่วง COVID-19 ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร กำไรฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจาก การยกเลิกมาตรการปิดเมืองต่างๆ ในจีนและการเติบโตในไทย

นอกจากนี้ยังมีพัฒนาการสำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา โดยธุรกิจร้านอาหาร มีการเปิดร้านอาหารสุทธิ 41 สาขา เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นร้านแดรี่ควีนในไทย, รีเวอร์ไซด์ในจีน สนุกคิดเช่นในสิงคโปร์ รวมถึงเพิ่มแบรนด์ GAGA ด้านธุรกิจโรงแรมแลอื่นๆ มีการเปิดโรงแรมเพิ่ม 3 แห่ง ปิดโรงแรม 2 แห่ง และรีแบรนด์โรงแรม 3 แห่ง

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ MINT ในครึ่งปีหลังของปี 2566 รวมถึงปี 2567 จะยังคงดีต่อเนื่อง จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้การเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ในยุโรปเพิ่มมขึ้นสูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาทวีปยุโรปช่วงก่อนการระบาดของโรค COVID-19 โดย ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในยุโรปจะได้รับอนิสงค์จากการเดินทางดังกล่าว 

ขณะที่ไตรมาส 4 ยังเป็นช่วงฤดูการที่ดีของธุรกิจโรงแรมในทวีปเอเชีย ส่งผลให้มีความต้องการการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจาก สหรัฐฯ ยุโรป และกลุ่มลูกค้าตลาดบนจากตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม ฐานะการของบริษัทฯ ณ 30 มิ.ย. 2566 มีเงินสดอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่ออยู่ที่ 31,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิที่ 1.09 เท่า 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท ไมเนอร์ฯ ทำธุรกิจอะไรบ้าง?

  • ธุรกิจโรงแรม (มีทั้งเป็นเจ้าของ, บริหารจัดการ และร่วมลงทุน) เช่น Anantara, Avani, Tivoli ฯลฯ
  • ธุรกิจร้านอาหาร เช่น The Pizza Company, The Coffee Club, Bonchon, Swensen’s ฯลฯ
  • ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น Anello, Bossini, Charles & Keith ฯลฯ

ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา