เปิดแผน 5 ปี “ไมเนอร์ กรุ๊ป” โรงแรม-อาหาร-ไลฟ์สไตล์ จะต้องโกดิจิทัล

ครบรอบ 50 ปีแล้ว สำหรับไมเนอร์ กรุ๊ปยักษ์ใหญ่ในด้านธุรกิจโรงแรม อาหาร และไลฟ์สไตล์ แผนระยะยาวในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ตั้งเป้าเติบโต 15-20% พร้อมกับเสริมทัพธุรกิจในพอร์ตให้แข็งแกร่งมากขึ้น

เริ่มจากบริษัทโฆษณา สู่บริษัทระดับสากล

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือเรียกสั้นๆ ว่าไมเนอร์ เป็นที่รู้จักอย่างดีในฐานะหนึ่งในธุรกิจใหญ่แห่งหนึ่งของไทย โดยมี 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ 

ไมเนอร์ได้เริ่มก่อตั้งในปี 2510 โดยวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เริ่มจากการเป็นบริษัทโฆษณา และบริษัททำความสะอาดสำนักงาน จนในปี 2521 ได้เริ่มเข้าลงทุนโรงแรม และร้านอาหารในพัทยา หลังจากนั้นปี 2523 เริ่มเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารได้สิทธิแฟรนไชส์พิซซ่าฮัทเข้ามาบริหารในไทย

ซึ่งคำว่าไมเนอร์ หรือ Minor มีความหมายว่าผู้เยาว์ นั่นหมายถึงสถานะของวิลเลี่ยมในตอนเริ่มธุรกิจที่เริ่มจากตอนอายุ 17 ปี มีสถานะทางกฎหมายเป็นผู้เยาว์นั่นเอง

พอถึงปี 2544 ไมเนอร์ได้เริ่มสร้างแบรนด์โรงแรมหรูภายใต้แบรนด์อนันตราเป็นแบรนด์แรก และสร้างแบรนด์ The Pizza Company และในปี 2548 ไมเนอร์ได้เริ่มขยายธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศเข้าลงทุนในมัลดีฟส์เป็นที่แรก

ซึ่งในหลายปีต่อมาก็ยังมีการลงทุนต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 3 กลุ่ม มีการซื้อกิจการ นำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ จนถึงตอนนี้ไมเนอร์มีการทำธุรกิจครอบคลุม 64 ประเทศ ใน 5 ทวีป มีโรงแรม และรีสอร์ทรวม 546 แห่ง ร้านอาหาร 2,130 สาขา และร้านสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ 429 แห่ง

วิลเลี่ยมได้บอกว่า ไมเนอร์ได้ทรานส์ฟอร์มจากบริษัทเล็กๆ กลายเป็นบริษัทใหญ่ มีผู้บริหารมืออาชีพ เมื่อ 50 ปีก่อนเขาเป็นพนงที่อายุน้อยที่สุด จนถึงตอนนี้กลายเป็นพนักงานที่มีอายุมากสุด และมีประสบการณ์มากที่สุด ซึ่ง Key Success ในการทำธุรกิจนั้นเกิดจากการมีวิสัยทัศน์ชัดเจน อยากเป็นผู้นำในธุรกิจระดับโลกในทุกธุรกิจ ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นจุดสำคัญที่สุด สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าตลอดเวลา รวมถึงเรื่องการพัฒนาคน กระตุ้นให้พนักงานมี Passion อยากมาทำงาน

สยายปีกธุรกิจโรงแรมด้วยการเข้าซื้อ NH Hotel Group

โรงแรมยังคงเป็นธุรกิจหลักของไมเนอร์ มีสัดส่วนรายได้ถึง 55% โดยโมเดลธุรกิจของไมเนอร์มีทั้งโรงแรมที่เป็นเจ้าของเองและรับจ้างบริหาร

ล่าสุดไมเนอร์ได้ประกาศเข้าลงทุนใน NH Hotel Group เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการโรงแรมในยุโรป เบื้องต้นมีการใช้เงินลงทุน 40,000-50,000 ล้านบาทในการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 45% ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของไมเนอร์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

การที่ไมเนอร์เข้าลงทุนใน NH Hotel Group ในครั้งนี้ ทำให้เป็นการสยายปีกสู่การลงทุนในยุโรปได้เร็วขึ้น และยังทำให้มีโรงแรมในเครือรวม 546 แห่ง และจำนวน 80,000 ห้อง

แต่ดีลนี้ยังไม่ได้สิ้นสุด ไมเนอร์ยังเดินหน้าเจรจาซื้อหุ้นเพิ่ม ที่คาดไว้คือสัดส่วน 51-55% หรือคิดเป็นมูลค่า 48,000 ล้านบาท แต่ถ้าซื้อเต็ม 100% อาจจะใช้เงินลงทุนถึง 90,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

เท่ากับว่าถ้าได้ธุรกิจจาก NH Hotel Group มาเติมพอร์ต ก็ทำให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 70% ได้ในปีหน้า

โฟกัส 3 ธุรกิจ แต่เสริมด้วยดิจิทัล

ในปี 2560 ไมเนอร์มีรายได้รวม 60,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นธุรกิจโรงแรม 55% ร้านอาหาร 38% และไลฟ์สไตล์ 7% ซึ่งแผนธุรกิจใน 5 ปีต่อจากนี้มีการตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยมีการใช้เงินลงทุนรวม 40,000-50,000 ล้านบาท (ไม่รวมในส่วนการลงทุนใน NH Hotel Group)

โดยทั้ง 3 ธุรกิจมีกลยุทธ์หลักอยุ่บนพื้นฐานของการเอาเทคโนโลยี ดิจิทัล และดาต้ามาปรับใช้ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด

  • ธุรกิจโรงแรม

ยังใช้กลยุทธ์มีสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของเองและรับจ้างบริหารเพื่อสร้างความสมดุลในพอร์ตมีหลายแบรนด์ในการบริหารความเสี่ยงและมีซื้อกิจการใหม่ๆมองหาโอกาสใหม่ๆเสมอ

พร้อมกับเสริมด้วยธุรกิจ Mix-use เพื่อเพิ่มมูลค่าให้โครงการมากขึ้น รวมถึงขยายไปยังโครงการที่เกี่ยวเนื่องกันในวงการอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด วิลล่ามาเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างกำไร

อีกหนึ่งกลยุทธ์คือจะเน้นการรับจ้างบริหารโรงแรมให้มากขึ้นเพราะได้ผลกำไรที่ดีกว่าไม่ต้องลงทุนเองเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของโครงการ

  • ธุรกิจอาหาร

มีแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลายตอบพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนๆตอบรับกับผู้บริโภคเจนใหม่ๆต้องตามเทรนด์ให้ทัน และคงความเป็นแบรนด์ในใจของผู้บริโภค

ในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะยังไม่มีอะไรหวือหวามากนัก แต่ในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงของเทศกาล จะโฟกัสที่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โปรดักส์ใหม่ เมนูใหม่ เช่น สเวนเซนส์มีการออกเมนูบิงซูก็ช่วยทำให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพระาเป็นเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค

  • ธุรกิจไลฟ์สไตล์

ธุรกิจไลฟ์สไตล์ของไมเนอร์ตอนนี้ยังมีการทำแค่ในประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในอนาคตมองถึงการไปต่างประเทศด้วย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ไมเนอร์ค่อนข้างแอคทีฟในการนำแบรนด์ดังๆ เข้ามามากขึ้นอย่าง Anello, OVS เพื่อเป็นการตอบโจทย์ทุกกลุ่มสร้างพอร์ตให้หลากหลาย

หน้าร้าน Flagship Store ของ Anello ในประเทศไทย // ภาพจาก Facebook ของ anellothailandofficial

แต่เป้าหมายที่สำคัญของไมเนอร์คืออยากเป็นเจ้าของแบรนด์เองสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองและขยายตลาดต่างประเทศ

อีกกลยุทธ์ที่สำคัญคือการเพิ่มช่องทางออนไลน์ ไม่ได้มีแค่หน้าร้าน แต่ต้องมีออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น

สรุป

ไมเนอร์ยังคงสร้างการเติบโตของธุรกิจด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆและการซื้อกิจการซึ่งการองค์กรจากบริษัทเล็กๆสู่บริษัทระดับโลกได้ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา