สถิติการอาศัยกับพ่อแม่ของคนอเมริกันรุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น น่าสนใจอยู่หลายประการ เพราะด้วยวัฒนธรรมกระแสหลักของคนอเมริกัน เมื่อเรียนจบระดับมัธยมมักจะออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเอง แต่ในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่า มีการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมในการใช้ชีวิตและการทำงานไปมากพอควร และไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดจากปัจจัยความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้นมาตลอดหลายทศวรรษ หรือเศรษฐกิจภาพใหญ่ในอเมริกากำลังประสบปัญหาอย่างนัก ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีที่น่าติดตาม
วัฒนธรรมใหม่? ไม่ทำงาน ไม่เรียนต่อ ขออยู่กับพ่อกับแม่
จากรายงานการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกา เผยว่า 1 ใน 3 ของคนที่มีอายุ 18 – 34 ปีในอเมริกาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ในจำนวนนี้ถ้าเจาะลึกลงไปคือ คนอายุ 25 – 34 ปี จำนวน 1 ใน 4 อาศัยอยู่ที่บ้านโดยไม่เรียนหนังสือและทำงานเป็นกิจจะลักษณะ คิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ 2.2 ล้านคน โดยถ้าเทียบกับจำนวน Millennials ในอเมริกาทั้งหมดที่มีอยู่ถึง 70 ล้านคน อาจดูเป็นจำนวนไม่มาก แต่เอาเข้าจริง ต้องยอมรับว่าตัวเลข 2 ล้านกว่าคนนี้ก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อยแต่ประการใด
หากย้อนไปดูในช่วงทศวรรษที่ 1970 ของอเมริกา ในรายงาน The Changing Economics and Demographics of Young Adulthood: 1975-2016 ระบุว่า คนหนุ่มสาวในยุค 1970 มีแนวโน้มจะอาศัยกับคู่สมรสของตนมากกว่ายุคนี้ถึง 2 เท่า ในขณะที่หนุ่มสาวในยุคปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่อแม่ และส่วนที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ กลุ่ม Millennials ที่อยู่บ้านในยุคนี้นั้นไม่ทำงาน การศึกษาส่วนใหญ่ก็หยุดอยู่ที่มัธยมศึกษาเท่านั้น ที่น่าสนใจในเชิงสถิติคือ กว่าครึ่งของคนกลุ่มนี้เป็นผู้ชาย ผิวขาว โดย 1 ใน 5 ของคนกลุ่มนี้มีลูกแล้ว ส่วนที่เป็นคนพิการมีจำนวน 1 ใน 4
ในรายงานยังระบุอีกว่า “ในปี 2005 คนหนุ่มสาวชาวอเมริกันส่วนใหญ่มักอาศัยเป็นอิสระจากครอบครัว ไม่ว่าจะอยู่ตัวคนเดียว กับคู่สมรส หรือคนสนิทที่รู้ใจแต่ไม่ได้แต่งงานกัน ตัวเลขนี้ถือว่าสูงมาก เพราะมีคนหนุ่มสาวที่มีวิถีเช่นนี้กว่า 35 มลรัฐ แต่ในอีก 10 ปีต่อมา คือในปี 2015 เหลือเพียง 6 มลรัฐเท่านั้นที่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จะออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเอง”
ที่มา –Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา