มิลล์คอน สตีล ปรับองค์กรใหม่ เน้นครบวงจรจากเศษเหล็กถึงการขนส่ง

ในช่วงปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILLCON ได้ปรับกลยุทธ์การบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ โดยการปรับตัวให้เข้ากับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  

จุดเริ่มต้นจากการ TRANSFORM อย่างจริงจังในทุกๆ ส่วนงาน และให้คำจำกัดความนี้ว่า Transformillcon เป็นการขยายธุรกิจจาก การผลิตเหล็กเส้นเพื่อก่อสร้างมาเป็นธุรกิจแบบครบวงจร  “จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ: จากเศษเหล็กถึงการขนส่ง”

คุณสุรีรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารองค์กร ของ MILCON บอกว่า การปรับเปลี่ยนองค์กรทำให้ MILLCON สามารถควบคุมและจัดการคุณภาพในทุกๆ ขั้นตอนได้เอง

อีกทั้งส่งผลให้ลดความสูญเสียและประหยัดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากสามารถหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาและตลาดวัตถุดิบได้ โดย MILLCON มุ่งเน้นธุรกิจไปที่ 3 กลุ่มหลัก คือ  

  1. Construction material ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง
  2. Special Steel กลุ่มเหล็กเกรดพิเศษ เช่น น็อต สกรู และผลิตเพื่อส่งเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์
  3. Support core business เป็นธุรกิจที่ลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักทั้ง 2 ซึ่งการลงทุนจะเน้นใน 3 กลุ่มเทคโนโลยี คือ Logistics Technology, Construction Technology และ Factory Technology

ในปีที่ผ่านมา MILLCON เล็งเห็นว่าบทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีความสำคัญต่อการปรับตัวขององค์กรเป็นอย่างมาก ผู้ที่ปรับตัวเร็ว ย่อมได้เปรียบ MILLCON จึงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ให้สามารถผลิตเหล็กในจำนวนที่มากขึ้นโดยใช้ต้นทุนในการผลิตเท่าเดิม

เช่น การใช้ระบบ Automation ที่มีการวิจัย พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ หรือ การพัฒนาระบบการผลิตทั้งกระบวนการหลอมเหล็กแท่ง (Billet) และเหล็กเส้น (Rebar) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นและใช้เวลาน้อยลง เช่น จากเดิมใช้เวลาในการหลอม 60 นาที ปัจจุบันสามารถล่นระยะเวลาเหลือ 48 นาที

สำหรับการจัดการระบบภายในองค์กร MILLCON นำระบบ SAP เข้ามาช่วยจัดการข้อมูลให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ

อีกทั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขาย MILLCON ขยายช่องทางให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง โดยการลงทุนกับ Builk.com ในช่องทาง Online กับโปรแกรม JUBILI by BUILK เพื่อให้สามารถดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและอำนวยความสะดวกลูกค้าในเรื่องการให้ข้อมูล พร้อมปิดการขายได้อย่างมีศักยภาพ

คุณสุรีรัตน์ บอกว่า นอกจากเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้ว MILLCON ให้ความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยมีการใช้ระบบ Fume Treatment Plant (FTP) ที่ช่วยคัดกรองอากาศ เพื่อลดสารก่อมะเร็ง กำจัดฝุ่น ลดสารพิษที่เกิดจาก Wastes ก่อนปล่อยสู่ภายนอก และยังได้ร่วมมือ กับ BIG โดยการนำเอาก๊าซจากธรรมชาติมาใช้แทนไฟฟ้า เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างความสมดุลทางธรรมชาติและประหยัดพลังงานได้มากกว่าเดิม รวมถึงการผลิตเหล็กผ่านระบบ EAF ที่เป็นการนำเหล็กที่ใช้แล้วมาผ่านกระบวนการต่างๆให้กลายเป็นเหล็กที่ได้มาตรฐานและนำกลับมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้อีกครั้ง

“Millcon มีคำที่ใช้เรียกกันเองภายในว่า เหล็กสีเขียว ซึ่งหมายถึงเป็นเหล็กที่เป็นมิตรต่อโลก ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการผลิต จนเสร็จสิ้นพร้อมให้ลูกค้าใช้งาน ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม” คุณสุรีรัตน์​กล่าว

ในอนาคต MILLCON มีการวางแผนจะนำระบบ Induction Heater ที่จะช่วยให้สามารถผลิตเนื้อเหล็กบริสุทธิ์ได้มากกว่าเดิม โดยวิธีการลดสิ่งปนเปื้อนออกจากเนื้อเหล็กได้ดีกว่าระบบเก่า ขณะเดียวกันสามารถประหยัดเวลาในการผลิตและใช้เชื้อเพลิงในการผลิตน้อยลง

อีกส่วนที่ MILLCON ให้ความสำคัญเช่นเดียวกันคือ คุณภาพของบุคลากร โดยมีการปลูกฝังหลัก I4 ให้กับพนักงานทุกคน ได้แก่ ( I – INTEGRITY ยึดมั่นคุณธรรมม, C – CHANGE & CONTINUOUS IMPROVEMENT พัฒนาอย่างต่อเนื่อง, C – CHALLENGE TOWARD EXCELLENCE มุ่งสร้างผลลัพธ์อันยอดเยี่ยม, C – COMMITMENT & EXECUTION ลงมือทำจริง, C – COLLABORATION ร่วมแรงร่วมใจ)

เป้าหมายคือ เพื่อปรับทัศนคติ ให้พนักงานทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับบริษัท และช่วยกันขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการส่งเสริมให้บุคลากรใหม่ๆ มีความสามารถ พร้อมที่เผชิญชีวิตในการทำงานจริง โดยมีการร่วมกับมหาวิทยาลัยเปิดโรงงานให้นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิต และการทำงานในทุกขั้นตอน

คุณสุรีรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แนวคิดเหล่านี้ทำให้ธุรกิจหลักของ MILLCON ทั้ง 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ Construction Material, Special Steel และ Supporting Core Business แข็งแกร่งขึ้นมาได้ การที่ MILLCON เริ่มต้นคิดก่อน ก้าวเดินไปข้างหน้าก่อนคนอื่น จึงส่งให้ MILLCON สามารถสร้างโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา