มีข่าวกันมาก่อนหน้านี้แล้วว่า MICHELIN GUIDE กำลังสำรวจและให้คะแนนร้านอาหารในเขตกรุงเทพ เพราะอาหารไทยเอง ก็ขึ้นชื่อติดอันดับท็อปของโลกอยู่หลายเมนู แล้วทำไมร้านอาหารในไทย ถึงไม่ได้ MICHELIN Star หรือ ดาวมิชลิน มาประดับร้านบ้าง
ว่าแล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลยดึง MICHELIN GUIDE เข้ามาด้วยสัญญา 5 ปี ให้ทำการสำรวจ คัดเลือก และให้ดาวกับร้านอาหารในประเทศไทย เริ่มปีนี้เป็นปีแรก เพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ มาเที่ยวไทยทั้งที ก็ต้องไปกินร้านที่ MICHELIN GUIDE แนะนำสักครั้ง
ก่อนไปกิน ทำความรู้จัก MICHELIN GUIDE กันสักนิด
สำหรับคนที่ยังไม่รู้เรื่องราวของ MICHELIN GUIDE ต้องบอกว่า มีการจัดอันดับร้านอาหารโดยการให้ดาว ตั้งแต่ 1 ดาว, 2 ดาว และ 3 ดาว จากร้านอาหารที่นำเสนออาหารคุณภาพดีที่สุด โดยพิจารณาจาก คุณภาพวัตถุดิบ, เทคนิคการปรุงอาหาร, รสชาติอาหาร, ความคิดสร้างสรรค์ และความเสมอต้นเสมอปลาย
- ร้านอาหารที่ได้ 3 ดาว ถือเป็น สุดยอดร้านอาหาร ที่ควรค่าแก่การเดินทางไกลเพื่อไปชิมสักครั้ง
- ร้านอาหารที่ได้ 2 ดาว คือ ร้านอาหารยอดเยี่ยม ที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม
- ร้านอาหารที่ได้ 1 ดาว คือ ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม
นอกจากจากดาวมิชลิน หรือ MICHELIN Star แล้ว ยังมีรางวัลลิล กูร์มองด์ ได้สัญลักษร์บิเบนดัม (Bibendum -ห่วงยางตัวสีขาว) ร้านอาหารที่ได้สัญลักษณ์นี้ คือ ร้านโปรดของผู้ตรวจสอบมิชลินที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพดีในราคาไม่เกิน 1,000 บาท (อาหาร 3 คอร์สไม่รวมเครื่องดื่ม) และสุดท้ายคือ สัญลักษณ์ MICHELIN Plates (มิชลิน เพลท) คือร้านอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน
98 ร้านผ่านการคัดเลือก 17 ร้านได้ดาวมิชลิน
สำหรับร้านอาหารในประเทศไทย มีทั้งหมด 98 ร้านที่ผ่านการคัดเลือกโดยผู้ตรวจสอบมิชลิน เป็นร้านอาหารแนะนำใน MICHELIN GUIDE แต่มี 17 ร้านที่ได้รับ ดาวมิชลิน โดยในคู่มือ MICHELIN GUIDE Bangkok 2018 มีร้านอาหารที่ได้ 2 ดาว จำนวน 3 ร้าน คือ
- ร้านกากั้น (Gaggan) เป็นร้านอาหารอินเดีย โดย เชฟ กากั้น อนันต์
- ร้านเลอ นอร์มังดี (Le Normandie) ร้านอาหารฝรั่งเศสในโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เปิดตั้งแต่ปี 2501
- ร้านเมซซาลูน่า (Mezzaluna) ร้านอาหารยุโรปแต่มีสไตล์ญี่ปุ่นบนชั้น 65 ของโรงแรมเลอบัว
และยังมีอีก 14 ร้านที่ได้รับ 1 ดาว โดยมี 7 ร้านเป็นร้านอาหารไทยจากฝีมือการปรุงของเชฟชาวไทย เช่น
- ร้านชิม บาย สยาม วิสดอม (Chim by Siam Wisdom)
- ร้านโบลาน
- ร้านเสน่ห์จันทร์
- ร้านสระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kin Kin)
- Nahm at The Como Metropolitan
ความพิเศษอีกประการคือ มีร้านอาหารริมทาง (Street Food) ในแบบไทยๆ คือ ร้านเจ๊ไฝ ที่ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน โดยอาหารปรุงโดยเชฟเจ้าของร้านด้วยเตาถ่านในครัวเปิดขนาดเล็กหน้าร้าน เป็นกิจการที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อเมื่อ 70 ปีก่อน มีเมนูเด็ดคือ ไข่เจียวปู, ปูผัดผงกะหรี่, โจ๊กแห้ง และราดหน้า ที่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอาหารแล้ว ราคาก็ยังแรงไม่เบาด้วย ถูกสุดประมาณ 200 บาท ไล่ขึ้นไปจนถึงหลักหมื่นกันเลย!!!
ขณะที่ร้านอาหารนานาชาติอื่นๆ ที่ได้ 1 ดาวมิชลิน เช่น
- กินซ่า ซูชิ อิชิ (Ginza Sushi Ichi)
- เซือริ่ง Suhring
- ลัตเตอลิเยร์ เดอ โจเอล โรบูชง L’Atelier de Joel Robuchon
- แฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์ J’AIME by Jean-Michel Lorain
- เอเลเมนท์ (Elements)
- ซาเวลเบิร์ก (Savelberg)
- Upstairs at Mikkeller
- Paste
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่ได้รับรางวัล บิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmand) อีก 35 ร้าน ซึ่งมีความหลากหลาย รวมถึงร้าน Street Food ในแบบไทยๆ ด้วย เช่น บ้านใหญ่ผัดไทย, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ, เจ๊โอว, บ้านใน และ ร้านโซล ฟู้ด มหานคร (Soul Food Mahanakorn)
สรุป
ในแง่ของคนไทยโดยทั่วไป อาจติดตามข่าวสารร้านอาหารที่น่ากินจากสื่อท้องถิ่น หรือเว็บแนะนำร้านอาหารทั้งหลาย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาไทย การมี MICHELIN GUIDE จะช่วยให้คนต่างประเทศ สนุกกับการค้นหาร้านอาหารมากขึ้น และใช้เป็นช่องทางโปรโมทร้านอาหาร ซึ่งใน MICHELIN GUIDE ยังมีบริการอื่นๆ เช่น โรงแรม ถือว่ามีส่วนทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักและเป็นสากลมากขึ้น
ใครอยากรู้ว่า 98 ร้านอาหารที่ผ่านการคัดเลือกอยู่ใน MICHELIN GUIDE ยังมีร้านอะไรอีกบ้าง คลิกเข้าไปดูได้โดยตรงที่นี่ https://guide.michelin.com/th/bangkok
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา