บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-Asia มองตลาดรถยนต์ชะลอตัว เหตุการจับจ่ายรถยนต์ใหม่ของผู้บริโภคมีเลื่อนออกไปจากที่ตั้งไว้ เตรียมอัดโปรโมชันช่วง 4 เดือนสุดท้ายกระตุ้นยอดขาย มองกลุ่มลูกค้า Gen Y และ Z สำคัญสุด เพราะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 50% เป็นคนกลุ่มดังกล่าว
ตลาดรถหดตัวมาจากกลุ่มลูกค้าเลื่อนจับจ่าย
สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) เล่าให้ฟังว่า ในปี 2024 ตลาดรถยนต์ค่อนข้างชะลอตัว โดยมีการชะลอการจับจ่ายรถยนต์ใหม่ของผู้บริโภคเป็นหนึ่งในปัจจัย แต่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2024 ยังมีโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาซื้อรถยนต์ใหม่ตามที่ต้องการ
“ก่อนหน้านี้เราพยายามนำเสนอโปรโมชันที่ดีที่สุด และน่าจะจูงใจได้ ทั้งในฝั่งลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าเก่าที่มีความเชื่อใจ และซื้อรถยนต์ใหม่กับเราเป็นประจำ ดังนั้นถึงเป้าหมายการซื้อรถยนต์ใหม่ของลูกค้าจะเลื่อนไปบ้าง แต่จากการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราฝ่าปัญหานี้ไปได้เช่นกัน”
หนึ่งในแคมเปญกระตุ้นการจับจ่ายรถยนต์ใหม่ของบริษัทช่วง 4 เดือนสุดท้ายคือ MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2024 งานจำหน่ายรถยนต์ระหว่างวันที่ 11-15 ก.ย. 2024 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่รวมโปรโมชันจากรถยนต์ที่บริษัทจำหน่าย ควบคู่กับการจัดประมูลรถยนต์
ทั้งนี้ผู้ที่จองรถในงาน และส่งมอบในเวลาที่กำหนด จะได้ที่รับสิทธิ์ที่จอดรถฟรีสูงสุดนาน 1 ปี และรับสยามกิฟท์การ์ด รวมมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถในงาน ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับสิทธิสมาชิกบัตร ONESIAM BLACK ซึ่งเป็นบัตรสำหรับสมาชิกระดับสูงสุด เช่นกัน
สัณหวุฒิ เสริมว่า การเดินหน้าต่อของรัฐบาลไทยจะช่วยสร้างโอกาสการอัดฉีดเงินเข้าระบบ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ส่วนการที่รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเข้ามาจำนวนมาก บริษัทมีการวางตัวเป็นผู้นำเข้า และดีลเลอร์ของบางแบรนด์ เพื่อรับกับความต้องการที่กำลังเพิ่มขึ้น
“รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเข้ามาก็สร้างการแข่งขันกับผู้เล่นรายเดิมในตลาด แต่ในมุมของบริษัทคงต้องพยายามทำตลาดไปที่กลุ่ม Gen Y และ Gen Z มากขึ้น เพราะลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถึง 50% แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่นั้นมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครึ่งแรกของปี 2024 MGC-Asia มีรายได้รวม 9,827 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 20% โดย 71.4% ของรายได้มาจากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์, 19.4% มาจากบริการหลังการขาย และ 8.2% มาจากธุรกิจให้เช่ารถยนต์ ส่วนกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 40.8 ล้านบาท ลดลง 79.5%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา