แบรนด์ Mercedes-Benz เป็นที่รู้จักในไทยมายาวนาน ถ้าเท้าความต้องย้อนไปช่วงรัชกาลที่ 5 แถมด้วยภาพจำ “คนรวยขี่เบนซ์” แต่ปัจจุบันตลาดรถหรูแข่งหนัก แล้วทำไมแบรนด์ดาวสามแฉกถึงครองใจคนไทยได้หลายสิบปี?
ความได้เปรียบทางประวัติศาสตร์
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Mercedes-Benz เริ่มเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งช่วงนั้นเองกลุ่มเจ้าขุนมูลนายก็มีโอกาสได้ขับขี่ และเมื่อบุคคลทั่วไปเห็นรถยี่ห้อนี้ขับอยู่บนท้องถนนจึงติดเป็นภาพจำว่าต้องมีเงินเยอะๆ ถึงจะขับรถยี่ห้อนี้ได้ และจากความเก่าแก่นี้เอง ทำให้แบรนด์ดาวสามแฉกสามารถครองตลาดรถหรูได้อย่างต่อเนื่อง
โดยช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์หรู หรือกลุ่มรถยนต์ยุโรป, อเมริกา และพื้นที่อื่นๆ ที่มีราคาสูง มีทั้งช่วงเวลาเติบโต และซบเซาไปตามภาวะของเศรษฐกิจ แต่ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้มาก แต่ก็มีอัตราเติบโตที่เหนือกว่าตลาดรวม โดยปีที่ผ่านมาปิดที่หลัก 20,000 กว่าคันเมื่อเทียบกับปีก่อน
ในขณะที่ผู้นำในตลาดนี้อย่าง Mercedes-Benz ก็ไม่พลาดที่จะปิดยอดขายปีก่อนด้วยการเป็นผู้นำของตลาดนี้ ผ่านจำนวนกว่า 14,000 คัน จากรถยนต์ที่ทำตลาดทั้งหมด 17 รุ่น และถือเป็นยอดขายที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทางแบรนด์ในประเทศไทย เพราะถ้าขายได้มากขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2538 เลยทีเดียว
ต้องเป็นมากกว่าแบรนด์รถยนต์หรู
อย่างไรก็ตามถึงตัวแบรนดจะแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์หรู แต่ถ้า Mercedes-Benz ยังย่ำอยู่กับที่ การจะรักษาตำแหน่งเบอร์หนึ่งในตลาดก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ เพราะปัจจุบันก็มีกลุ่มผู้เล่นใหม่ๆ พร้อมเข้ามาโจมตีตลาดรถยนต์หรูตลอดเวลา ไหนจะกระแสรถยนต์ไฟฟ้าอีก ทำให้แบรนด์ดาวสามแฉกต้องปรับตัว แม้จะไม่ปรับครั้งใหญ่ก็ตาม
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมรักษาความเป็นผู้นำในตลาดนี้เป็นเรื่องที่ทำมาโดยตลอด สังเกตจากยอดจำหน่ายรถยนต์ของทางแบรนด์ ก็เป็นรถยนต์ประเภท Plug-in Hybrid (มีเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า) ถึง 50%
“เราพร้อมทำตลาดรถยนต์ Plug-in Hybrid และ EV (รถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ) เพื่อก้าวไปให้มากกว่าเป็นผู้นำในตลาดแบรนด์รถยนต์หรู หรือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่รองรับตลาดในอนาคต ดังนั้นในปี 2561 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ของ Mercedes-Benz ชัดเจนมากขึ้น และเราคิดว่าผลตอบรับก็น่าจะดีเช่นกัน”
โปรยยาหอมรอสนับสนุนจาก BOI
แม้จะเป็นข่าวที่เผยแพร่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทาง Mercedes-Benz ประเทศไทยยังยืนยันว่า เตรียมเจรจารายละเอียดการลงทุนกับ BOI เพื่อขอสิทธิประโยชน์ พร้อมขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของรถยนต์ Plug-in Hybrid และ EV ในประเทศไทย
“ประเทศไทยค่อนข้างให้การสนับสนุนดีที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงไม่แปลกที่เราจะจริงจังกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเติบโต ประกอบกับพัฒนาในส่วนต่างๆ เช่นดีลเลอร์ และบริการหลังการขาย ให้รองรับการเติบโตได้เช่นเดียวกัน”
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยปี 2561 ทางบริษัทยังมองว่ามีแนวโน้มเติบโตกว่าปีก่อน เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มากขึ้น ประกอบกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชน ที่ช่วยให้มีเงินสะพัดในส่วนต่างๆ มากขึ้นด้วย
สรุป
การเดินเกมของ Mercedes-Benz แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี พร้อมชี้ให้เห็นว่าคนมีกำลังซื้อยังมีอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคู่แข่งอย่าง BMW และ Volkswagen ที่เข้ามาภายใต้แบรนด์ Audi รวมถึง Volvo เองก็คงเตรียมแผนทำตลาดในลักษณะเดียวกัน เพื่อสร้างตลาดนี้ให้เติบโตขึ้นอีก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา