แม้จะเกิดวิกฤตโรค COVID-19 ระบาดทั่วโลก แต่ Mercedes-Benz แบรนด์รถยนต์หรูอันดับหนึ่งของโลกก็ยังเดินหน้าแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ และสามารถคงยอดขายไม่ให้ลดลงไปมากกว่าแบรนด์คู่แข่งจากเยอรมนีด้วยกัน
แผนเหมือนเดิม ดึงดูดเหมือนเดิม
ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2563 นั้น Mercedes-Benz ทำยอดขายได้ค่อนข้างดี แม้จะเจอวิกฤตโรค COVID-19 ระบาดในประเทศจีนจนต้องปิดโรงงานไปบ้าง แต่พอเข้าเดือนมี.ค. ที่โรคนี้ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้ Mercedes-Benz เริ่มประสบปัญหาเรื่องยอดขาย แต่ก็ยังดีกว่าคู่แข่งแบรนด์เยอรมนีด้วยกัน
สำหรับยอดขายไตรมาสแรกของปี 2563 ทาง Mercedes-Benz ทำได้ 4.77 แสนคันทั่วโลก ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 เพียง 14.9% น้อยกว่า BMW ที่ยอดขายลดลง 20% และ Audi ที่ถึงจะยังไม่ประกาศยอดขายไตรมาสแรก แต่นักวิเคราะห์ก็เชื่อว่าน่าจะลดลงประมาณหนึ่ง
หากเจาะไปที่ยอดขายแต่ละภูมิภาคของ Mercedes-Benz จะพบว่า ยอดขายในจีนลดลง 20.3% รองลงมาเป็นในยุโรป 15.9% ส่วนในอเมริกาเหนือนั้นลดลง 6.7% และในสหรัฐอเมริกาลดลง 4.8% โดยรถยนต์ที่จำหน่ายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาคือ GLC รถยนต์ SUV ขนาด Compact
Britta Seeger ผู้ดูแลการตลาด และการขายของ Mercedes-Benz ยอมรับว่า โรค COVID-19 ก็ส่งผลกระทบต่ธุรกิจ แต่ทางบริษัทก็มีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยลูกค้า และพนักงาน นอกจากนี้บริษังยังเน้นทำกิจกรรมต่างๆ บนช่องทางออนไลน์ ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา พร้อมกับการคงแผนเดินหน้าโครงการต่างๆ ไว้เหมือนเดิม
สรุป
การเดินหน้าแผนธุรกิจของ Mercedes-Benz ที่เหมือนเดิมทำให้ปีนี้น่าจะได้เห็น S-Class โฉมใหม่ รวมถึงการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่นของแบรนด์นี้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าในไตรมาสต่อๆ ไป Mercedes-Benz น่าจะยังมียอดขายลดลงอยู่ เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะจำหน่ายรถยนต์หรูในเวลานี้
อ้างอิง // Carbuzz
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา