เมกาบางนา คือค้าปลีกชั้นนำในย่านบางนาอย่างไม่ต้องสงสัย ผ่านการเป็นมากกว่าศูนย์การค้าที่ให้ผู้บริโภคมาจับจ่ายสินค้า เพราะเป็นศูนย์รวมกิจกรรม และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในย่านนี้ ซึ่ง เมกาบางนามีวิสัยทัศน์แบบนี้มาตั้งแต่ 12 ปีที่แล้วที่เริ่มเปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน
แต่ธุรกิจต้องเติบโต และ เมกาบางนา คงจะหยุดนิ่งแค่ความสำเร็จนี้ไม่ได้ ล่าสุดบริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ ดึงผู้บริหารมากความสามารถ มาริส อโบลตินส์ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมค้าปลีก และการพัฒนาโครงการในยุโรปมากว่า 15 ปี เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่
แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ในองค์กรเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ด้วยประสบการณ์ และการผสานกับทีมงานเดิมที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้ เมกาบางนา เตรียมก้าวไปอีกขั้น ซึ่ง Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ มาริส อโบลตินส์ เพื่อฉายภาพวิสัยทัศน์ และเป้าหมายของ เมกาบางนา ภายใต้ผู้กุมบังเหียนคนใหม่ดังนี้
ยกระดับประสบการณ์ที่มากกว่า
มาริส เล่าให้ฟังว่า หลังจากได้ทำงานร่วมกับทีมงานคนไทยที่มีความเข้าใจผู้บริโภคที่นี่ ช่วยให้การขับเคลื่อนงานเป็นไปได้ด้วยดี ประกอบกับประสบการณ์ที่ตนมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนวัตกรรมต่าง ๆ สำหรับธุรกิจรีเทล หรือความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ต่างประเทศที่เคยทำมามากกว่า 15 ปี ตนเชื่อว่าเมกาบางนาจะก้าวไปอีกขั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน
“ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ Vision ของ เมกาบางนา ยังเหมือนเดิม นั่นคือ We Create a Better Everyday Life for the Many People โดยมี Your Everyday Meeting Place เป็นภารกิจหลักของเรา ซึ่งปัจจุบัน เมกาบางนา เป็น Top of Mind ของผู้บริโภคในย่านนี้”
มาริส อโบลตินส์ ถือเป็นอีกผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ และพัฒนาค้าปลีก ผ่านประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ที่ดูแลทั้งพื้นที่เช่าของค้าปลีก, การพาแบรนด์ต่าง ๆ ไปขยายสาขาไปทั่วยุโรป, การทำงานร่วมกับ อิเกีย เพื่อขยายธุรกิจในกลุ่มยุโรปหลากหลายประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ทั้งฝั่งบริหารค้าปลีก และเข้าใจว่าฝั่งผู้เช่าต้องการอะไรบ้าง
เมกาบางนา กับ 12 ปี ที่ต้องเดินหน้าต่อ
มาริส เสริมว่า ในฐานะที่ เมกาบางนา เป็น Low Rise Shopping Mall จึงมีความแตกต่างกับคู่แข่งในละแวกเดียวกัน และข้อได้เปรียบของเมกาบางนาอีกอย่างคือขนาดของพื้นที่ ซึ่งเมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มีทางเดินหน้ากว้าง เพดานสูง ทำให้ลูกค้าจะรู้สึกไม่อึดอัด และสามารถเดินช้อปปิ้งภายในศูนย์ได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมกันนี้ภารกิจสำคัญของตนที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการพัฒนาโครงการอื่น ๆ ใน เมกาซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ผสานส่วนของค้าปลีก, โรงแรม, ที่พักอาศัย, ศูนย์รวมความบันเทิง, โรงเรียน และสำนักงาน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสามารถสร้างทราฟฟิคให้กับศูนย์การค้าได้อย่างยั่งยืน
“ตลอด 12 ปีที่ให้บริการ เมกาบางนา อยากเป็นส่วนหนึ่งของความสุขของลูกค้าในทุก ๆ วัน ทุก ๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นการพบปะเพื่อนฝูง, ชวนครอบครัวมาพักผ่อน หรือเป็นสถานที่ในการทำงาน ซึ่งตลอด 12 ปีที่ผ่านมาเมกาบางนา ทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อที่จะคัดสรรผู้เช่าที่มีศักยภาพ หรือสร้างสรรค์กิจกรรมที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย และครบทุกกลุ่มวัยจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เมกาบางนายังคงเดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ดึงร้านที่กำลังได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของลูกค้ามาไว้ที่เมกาบางนา”
ปัจจุบันผู้เช่าหลักของ เมกาบางนา มี 5 รายคือ อิเกีย, เซ็นทรัล @ เมกาบางนา, โฮมโปร, บิ๊กซี, เมกา ซีนีเพล็กซ์ และยังมีผู้เช่ารายใหญ่อย่าง ท็อปกอล์ฟ ผสานกับผู้เช่าอื่น ๆ อีกกว่า 900 ร้านค้า ซึ่งในปี 2024 ทางศูนย์เตรียมต้อนรับผู้เช่ารายใหม่ อย่าง POP MART, LONGINES, CARE BEAR CAFÉ, NIKO AND…, LONG JOHN’S SILVER, BHC CHICKEN, SINDOSEGI, และ EASY! BUDDY ซึ่งการนำร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการ เพิ่มความถี่ในการเข้ามาใช้บริการที่เมกาบางนาให้มากขึ้น และดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาได้มากขึ้นด้วย
เจาะตัวเลขความสำเร็จ 12 ปี เมกาบางนา
การพิสูจน์ว่า เมกาบางนา ประสบความเสร็จแค่ไหน ตัวเลขคือคำตอบที่ดี เพราะตลอด 12 ปีที่ให้บริการ มีผู้เข้ามาใช้บริการรวมมากกว่า 550 ล้านคน และในปี 2023 มีผู้เข้ามาใช้บริการสูงที่สุดตั้งแต่เปิดให้บริการอยู่ที่ 53 ล้านคน ทั้งมีพื้นที่เช่าถูกจอง 100% ตลอด 12 ปีที่ให้บริการ
ด้านจำนวนผู้เช่า ปัจจุบัน เมกาบางนา มีผู้เช่ากว่า 900 ราย มีความหลากหลายของประเภทสินค้า และบริการ ไล่ตั้งแต่ร้านอาหาร, สินค้าแฟชั่น, ธุรกิจการเรียนรู้ รวมถึงความบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งการเข้ามาของผู้เช่าใหม่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มในเรื่องนี้เช่นกัน
ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 400 ไร่ ทำให้บริษัทมีการพัฒนาพื้นที่ส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การเข้ามาใช้บริการและสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างมากขึ้น เช่น การนำพื้นที่ 7 ไร่ มาทำเป็น Mega Park หรือสวนสาธารณะที่รองรับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงเปิดให้ลูกค้าและชุมชนโดยรอบเข้ามาใช้บริการ หรือพักผ่อนได้ฟรี โดยล่าสุดมีการจัดกิจกรรม Mega Pet Day จับกระแส Pet Lover สร้างคอมมิวนิตี้ของคนรักสัตว์เลี้ยงให้มีพื้นที่มาร่วมสนุกกัน หรืองานหนัง ฟังเพลง ที่จับกลุ่มที่ชื่นชอบเพลงและคอนเสิร์ต ดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาที่ศูนย์ได้
สร้างสีสันให้การช้อปปิ้ง ทุ่มงบการตลาด 200 ล้านบาท
นอกจากการมีร้านค้าใหม่เข้ามาเติมเต็มความต้องการผู้บริโภคแล้ว เมกาบางนา ยังเตรียมยกระดับ Loyalty Program ที่มีชื่อว่า เมกา สไมล์ รีวอร์ดส โดยจากการรวบรวมข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้เห็นความหลากหลายของพฤติกรรมการใช้จ่าย และการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า ดังนั้น เมกาบางนาตั้งใจที่จะมอบสิทธิพิเศษที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้จริง ๆ และมอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น ที่จอดรถสำหรับสมาชิก, ส่วนลด และบัตรกำนัล และการได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมอีเวนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
โดยโปรเจ็คนี้จะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ของปี 2024 ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการลงทุนด้านการตลาดกว่า 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำตลาดรูปแบบต่าง ๆ ทยอยใช้ไม้เด็ดตั้งแต่วันเด็ก, ตรุษจีน และสงกรานต์ จนเตรียมฉลองครบรอบ 12 ปี ของ เมกาบางนา ในเดือนพฤษภาคมนี้
สำหรับงานฉลองครบรอบ 12 ปีของเมกาบางนาครั้งนี้ เมกาบางนา ได้ดึงศิลปินชื่อดังอย่าง Jirayu Koo มาร่วมสร้างงานศิลปะ รวมถึงพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่ต่าง ๆ ของศูนย์การค้า ภายใต้ชื่อกิจกรรม 12th Aniversary 365 Mega Moments ซึ่งงานศิลปะของ Jirayu Koo ถูกนำมาใช้ในส่วนต่าง ๆ ของกิจกรรมครั้งนี้ ตั้งแต่ส่วนตกแต่ง สื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดทำของสมนาคุณเพื่อแสดงความขอบคุณในการเข้ามาใช้บริการตลอด 12 ปี
ไม่หวั่นคู่แข่งใหม่ในย่านบางนา
มาริส อโบลตินส์ ทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันค้าปลีกทุกรายพยายามแข่งขันกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย แต่ในกลุ่มประเทศยุโรป หรือพื้นที่อื่นต่างเป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้นการสร้างความแตกต่างให้กับศูนย์การค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ และ เมกาบางนา คือหนึ่งในศูนย์การค้าที่ทำเรื่องนี้ได้ดีมาโดยตลอด
“จุดแข็งของเราคือมีฐานลูกค้าประจำ ที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าเมกาบางนาอยู่ในโลเคชันที่เหมาะสม ประกอบกับพนักงานทุกคนเต็มที่ และพร้อมพัฒนาให้ เมกาบางนา ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้เราอยู่มา 12 ปีแล้ว มีความเข้าใจว่าลูกค้าชอบ ไม่ชอบอะไร ยิ่งการเป็นศูนย์การค้า Low Rise ก็ไม่มีที่ไหนตอบโจทย์ได้เหมือนเรา”
ก่อนจบการพูดคุย มาริสทิ้งท้ายไว้ว่า ขณะนี้กำลังเร่งศึกษาความต้องการของตลาดอย่างละเอียด และรอบคอบ เพื่อเตรียมรองรับโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และจากข้อมูลการสำรวจในแง่มุมต่าง ๆ ทำให้มั่นใจว่าเมกาบางนายังมีโอกาสเติบโต และแข่งขันได้ในพื้นที่บางนา รวมถึงเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภคได้แน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา