McDonald’s เจอผลกระทบจากเชื้อโรค E. coli จนยอดขายในไตรมาส 4 ปี 2024 ของสาขาในสหรัฐอเมริกาลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับปี 2023 จากที่เคยเติบโต 4.3% ในช่วงเวลาดังกล่าว ถึงขั้น CEO ออกมายอมรับว่าพลาดเป้า และเตรียมทุ่มงบประมาณการตลาดกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา
McDonald’s ยอดขายไตรมาส 4 ปี 2024 มีปัญหา
รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ McDonald’s สะท้อนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยอดขายในสาขาที่เปิดให้บริการอย่างน้อยหนึ่งปีในสหรัฐฯ ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการถดถอยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023 ที่ยอดขายเติบโต 4.3%
“ผลประกอบการของเราในปี 2024 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความยาก และในหลายครั้ง แมคโดนัลด์ถูกพูดถึงหลายครั้งในมุมข่าว สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง และการเป็นที่รู้จักของแบรนด์” Chris Kempczinski ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร McDonald’s
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า E. coli ทำให้มีผู้ป่วยกว่า 100 รายใน 12 รัฐนั้น น่าจะมาจากหัวหอมสดที่ใช้ในเมนู Quarter Pounders ของ McDonald’s จนส่งผลยอดขายเดือน พ.ย. 2024 ของ McDonald’s ในสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับต่ำสุด และกว่าจะฟื้นต้องรอถึงช่วงสิ้นไตรมาส 4 2024
กลับมาเติบโตเต็มที่ไตรมาส 2 ปี 2025
McDonald’s คาดว่าจะกลับมาเติบโตอย่างเต็มรูปแบบต้องรอจนถึงไตรมาส 2 ปี 2025 ซึ่งก่อนจะถึงจุดนั้น McDonald’s มีการทุ่มงบประมาณราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 4 ปี 2024 เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น พร้อมเปิดตัวเมนูราคาประหยัดในชื่อ McValue ช่วง ม.ค. 2025 ผ่านการชูเรื่องความคุ้มค่า
อีกปัญหาที่ทำให้ภาพรวมธุรกิจของ McDonald’s ในปี 2024 มีปัญหาคือ ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนกระทบกับราคาแต่ละเมนูของ McDonald’s ที่เพิ่มขึ้นราว 40% โดยปี 2025 บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 2,200 แห่ง ทั่วโลก 25% อยู่ในตลาดที่เติบโตแล้ว เช่น สหรัฐฯ และยุโรป
สหรัฐฯ มีปัญหา ต่างประเทศก็มีปัญหาเช่นกัน
ทั้งนี้ รายได้ของ McDonald’s ในปี 2024 ปิดที่ 25,920 ล้านดอลลาร์ ยอดขายทั่วโลกลดลง 0.1% ส่วนสหรัฐฯ มียอดขายสาขาเดิมเติบโต 0.2% ส่วนสาขาในต่างประเทศที่บริษัทเป็นเจ้าของลดลง 0.2% และสาขาในต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจด้วยโมเดลแฟรนไชส์ลดลง 0.3%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา