หลังประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ออกมาแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 ทาง McDonald’s เตรียมปรับกลยุทธ์ธุรกิจในครึ่งปีหลัง ทั้งการทยอยปิดสาขา, ถอนหุ้นธุรกิจในญี่ปุ่น และลงทุนการตลาดเพื่อดึงลูกค้ากลับมา
เพื่อผ่านพ้นวิกฤต COVID-19
จากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของ McDonald’s ที่ยอดขายลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิลดลง 68% เช่นเดียวกัน แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 ทำให้ธุรกิจ Fast Food ยักษ์ใหญ่ต้องปรับแผนต่างๆ เพื่อประคองธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤต COVID-19 ไปให้ได้
ไล่ตั้งแต่การลดงบการตลาดลง 70% ในช่วงไตรมาสดังกล่าว พร้อมกับชะลอแผนซื้อหุ้นคืน เพื่อรักษาเงินสดเอาไว้ในบริษัทให้นานที่สุด โดยหวังว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 วิกฤตการระบาดของโรค COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา และทั่วโลกจะทุเลาลงบ้าง
แต่การควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อประคองธุรกิจของ McDonald’s ยังไม่จบแค่นั้น เพราะยังมีแผนขายหุ้น McDonald’s Holdings Co. Japan หรือหน่วยธุรกิจที่ให้บริการในญี่ปุ่นเหลืออย่างน้อย 35% จากเดิมที่ถือไว้ 49% รวมถึงเตรียมปิดสาขาในสหรัฐอเมริกากว่า 200 แห่ง จากทั้งหมด 14,000 แห่งภายในปีนี้ โดยครึ่งหนึ่งของตัวเลขดังกล่าวคือสาขาใน Walmart
อย่างไรก็ตาม McDonald’s ได้พัฒนากลยุทธ์เพื่อตอบรับความปกติใหม่ หรือ New Normal ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนบริการเดลิเวอรี่ และสาขาที่เหมาะสมกับการทำ Drive-Thru รูปแบบต่างๆ พร้อมลงุทนกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปกับการตลาดเพื่อดึงลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง
สรุป
ไม่ใช่แค่ธุรกิจเล็กๆ ร้านอาหารขนาดใหญ่ที่แต่ละวันมีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมากอย่าง McDonald’s ก็ต้องพยายามรักษาเงินสดเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเหมือนกับผู้บริโภคทั่วไป เพราะถ้าไม่มีเงินสดในช่วงเวลานี้ แถมวิกฤต COVID-19 ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน
อ้างอิง // CNN, Japan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา