การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ Mazda ยังประสบปัญหาทางธุรกิจ เพราะล่าสุดบริษัทแจ้งว่า ไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนก.ย. ขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 7,590 ล้านเยน
ยังคาดการณ์ปีนี้ขาดทุนเช่นเดิม
สำหรับการขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 7,590 ล้านเยน เป็นการขาดทุนต่อเนื่องในปีปฏิทินนี้ เพราะในไตรมาสที่จบไปก่อนไตรมาสล่าสุด Mazda ขาดทุนถึง 45,300 ล้านเยน ถือเป็นตัวเลขที่แย่ที่สุดในรอบ 11 ปี ส่วนในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนก.ย. ของปีก่อนหน้า บริษัทกำไรจากการดำเนินงาน 18,900 ล้านเยน
อย่างไรก็ตามตัวเลขขาดทุนไตรมาสล่าสุดของปฏิทินนี้เป็นการคำนวนโดย Reuters เพราะทาง Mazda ได้แจ้งว่า บริษัทขาดทุนเพียงเล็กน้อยในไตรมาสดังกล่าว ผ่านการกลับมามียอดขายดีขึ้นในอเมริกาเหนือ หรือตลาดหลักของบริษัท ทั้งภาพรวมยอดขายยังเพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน
ในทางกลับกัน Mazda ยังประกาศการคาดการณ์ขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 40,000 ล้านเยนในปีปฏิทินนี้ เพราะการระบาดของโรค COVID-19 ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร แต่การประกาศคาดการณ์นี้กลับดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 53,300 ล้านเยน
สำหรับตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว Mazda ตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์ที่ 1.3 ล้านคัน ลดลงจากปีปฏิทินก่อน 8.5% ถือเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดในรอบ 7 ปี และทำให้ Mazda ที่เป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นอันดับที่ 5 ต้องดิ้นรนให้ผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 และกลับมาเติบโตอีกครั้งให้ได้
สรุป
กลายเป็นงานยากของค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทุกเจ้า เพราะ COVID-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ยิ่ง Mazda ต้องพึ่งยอดขายจาก SUV เป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นใช้เครื่องยนต์ดีเซล Mazda ก็ต้องหันมาพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่เพื่อตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมอีก ดังนั้นการเดินหน้าของ Mazda หลังจากนี้จึงไม่ง่ายเลย
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา