“เครื่องดีเซลคือจุดแข็ง และไม่มีเหตุผลจะต้องหยุดพัฒนา” ผู้บริหารระดับสูงของ Mazda ย้ำ

ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะหมุนด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้า แต่ Mazda กลับมองต่าง แถมกางแผนเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเต็มตัว เพราะมองว่าถึงรถยนต์ไฟฟ้าไม่ปล่อย CO2 แต่โรงไฟฟ้าถ่านหินก็ยังปล่อยมลพิษนี้อยู่

Mazda CX-5

เครื่องยนต์ดีเซลสุดล้ำคือข้อได้เปรียบขอบริษัท

ในตอนนี้เครื่องยนต์ดีเซลเหมือนถูกมองข้ามทั้งฝั่งผู้บริโภค และค่ายผู้ผลิตรถยนต์ เพราะมันค่อนข้างปล่อยมลพิษเยอะ ยิ่งเหตุการณ์การโกงค่าไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลของ Volkswagen ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเครื่องยนต์แบบนี้แย่เข้าไปใหญ่

ประกอบกับกลุ่มประเทศต่างๆ เช่นอังกฤษ, ฝรั่งเศส และจีน ที่ต่างออกมาประกาศห้ามจำหน่ายรถยนต์ดีเซลในอนาคต และก็มีแบรนด์ต่างๆ รับลูกคำสั่งนี้บ้างแล้ว เช่น Toyota Motor, Nissan Motor, Subaru รวมถึงยักษ์จากยุโรปอย่าง Volvo Cars แต่นั่นไม่ใช่กับค่ายผู้ผลิตจากญี่ปุ่นอย่าง Mazda

Kiyoshi Fujiwara กรรมการผู้จัดการอาวุโสรับผิดชอบการวิจัยและพัฒนาของมาสด้า เล่าให้ฟัง่วา บริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ดีเซลให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง และการที่คู่แข่งหลายค่ายลดความสำคัญของเครื่องยนต์ตัวนี้ลง ก็ทำให้บริษัทได้เปรียบในตลาดนี้ทันที

“ในยุคที่รถยนต์ SUV ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงเชื่อว่าผู้บริโภคยังอยากได้รถเครื่องยนต์ดีเซลอยู่ เพราะคันยิ่งใหญ่ยิงหนัก เครื่องยนต์ดีเซลก็จะดีกว่าเครื่องยนต์รูปแบบอื่นๆ ดังนั้นเครื่องยนต์ดีเซลจึงเป็นจุดแข็งของบริษัท และมันไม่มีเหตุผลที่ต้องหยุดการพัฒนา”

โรงไฟฟ้าถ่านหิน // ภาพ pixabay.com

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลของ Mazda ทางบริษัทเคลมว่ามีจุดเด่นเรื่องการลดปล่อยมลพิษ และประหยัดน้ำมันเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง นอกจากนี้ Mazda ยังมีแผนวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีระยะยาวเมื่อเดือนส.ค. 2560 ว่าตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลง 50% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2553

รวมถึงเตรียมวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์พลังงานสะอาดอื่นๆ รวมถึง Kiyoshi ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ถึงรถยนต์ไฟฟ้ามันไม่ปล่อยมลพิษ แต่โรงไฟฟ้าถ่านหินก็ยังคงปล่อย CO2 ออกมาเวลาผลิตกระแสไฟ้า ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าคงลดมลพิษอะไรไม่ได้มากถ้ายังมีโรงไฟฟ้าแบบนี้อยู่”

สรุป

จะเรียกว่าช้าก็ไม่เชิง แต่เชื่อว่าถ้า Mazda ยังคงมีความคิดแบบนี้ ก็คงไม่พ้นการย่ำอยู่กับที่ เพราะเครื่องยนต์ดีเซลถึงจะสามารถพัฒนาให้ประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษมากแค่ไหน เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นกระแสอยู่ก็คงสู้ไม่ได้นัก ยิ่งรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ก็เริ่มมีการติดตั้งเครื่องยนต์ไฟฟ้าแล้วด้วย ดังนั้นคงต้องจับตาว่าความั่นใจเรื่องเครื่องยนต์ดีเซลของค่ายรถยนต์ต่างๆ จะเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต

อ้างอิง // Nikkei Asian Review

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา