ทำไมยังโสด คำถามนี้ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่มีความรุนแรงในมุมมองของใครหลายคน เพราะบางคนไม่ได้อยากโสด แต่เป็นเพราะไม่มีใครเข้ามาในชีวิต
แต่ความจริงแล้วความโสดก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวมากเท่าไหร่ จากการศึกษาของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC พบว่า คนไทยเป็นโสดมากขึ้น จากอัตราการจดทะเบียนสมรสที่ลดลง จาก 3.13 แสนราย ในปี 2550 ลดลงเหลือ 2.98 แสนรายในปี 2560 ส่วนอัตราการหย่าร้างก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จาก 1.02 แสนราย ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 1.22 แสนราย ในปี 2560
ในขณะที่จำนวนประชากรของประเทศไทย เพิ่มขึ้นประมาณ 3 ล้านราย ในช่วงเวลาระหว่างปี 2550-2560 แสดงว่าคนไทย เป็นโสดมากขึ้น
หลากหลายวิธีหาคู่ของคนโสด
คนโสดที่ไม่ได้อยากโสด ปัจจุบันมีวิธีหาคู่ที่หลากหลาย ตั้งแต่เริ่มทำความรู้จักคนรอบๆ ตัว เพื่อนที่เรียนด้วยกัน เพื่อนที่ทำงาน หรือแม้แต่เพื่อนของเพื่อน ที่คนอื่นแนะนำให้รู้จัก หรือจะใช้แอปพลิเคชันหาคู่ ปัดซ้ายปัดขวายอดนิยมอย่าง Tinder ก็ได้เช่นกัน แต่บางครั้งการหาคนรู้ใจเพื่อพัฒนาจาก คนคุย ให้กลายเป็นแฟน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการใช้แอปพลิเคชันหาคู่ ที่บางครั้งเป็นเหมือนแอปพลิเคชันถามชื่อเสียมากกว่า เพราะไม่ได้มีการสานต่ออย่างจริงจัง
ความจริงแล้ว การหาแฟน ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน นั่นคือ การใช้บริการบริษัทหาคู่ ซึ่ง Brand Inside ได้มีโอกาสคุยกับคุณกุลชุลี ทรัพย์สินอุดม ไนแลนเดอร์ (คุณบี) ผู้ก่อตั้งบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ถึงแนวโน้ม พฤติกรรมการหาแฟนของคนในยุคปัจจุบัน รวมถึงภาพรวมการทำธุรกิจจัดหาคู่ว่าเป็นอย่างไรในยุคนี้
Pain Point ของคนโสด ที่ใช้บริการ
คุณบีเล่าให้ฟังว่า คนโสดที่มาใช้บริการ Bangkok Matching ส่วนใหญ่จะเป็นคนโสดที่มีโปรไฟล์ดี เช่น หมอ หรือเจ้าของกิจการ ความต้องการของคนโสดจึงต้องการเลือกคนที่ใช่ ทั้งด้านรูปลักษณ์ภายนอก คุยแล้วเข้ากันได้ รวมถึงพื้นฐานครอบครัวไม่ได้ต่างกันมาก อยากมีแฟน แต่อายที่จะใช้แอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ เพราะกลัวคนรู้จัก
ส่วนสาเหตุที่ทำไมคนถึงไม่สามารถหาแฟนได้จากสังคมในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เป็นเพราะ บางสังคม โดยเฉพาะในที่ทำงานมีเพศตรงข้ามน้อยเกินไป บางออฟฟิศมีแต่ผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย รวมถึงสังคมคนทำงานที่เช้าไปทำงานเย็นกลับบ้าน ก็ยากที่จะเจอคนที่ถูกใจ ทำงานเหนื่อยๆ กลับบ้าน ไม่ได้อยากมีแฟน จะไปขอเบอร์บนรถไฟฟ้า BTS ก็ไม่กล้ากลัวหน้าแตก หรือบางครั้งก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่เราสนใจยังโสดอยู่หรือไม่
ภาวะเศรษฐกิจก็มีส่วนเช่นกัน ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีสำหรับคนบางกลุ่ม ทำไมต้องแต่งงานให้เป็นภาระ ทำชีวิตตัวเองให้มีความสุข ไม่ต้องแต่งงาน มีลูกให้มีภาระในชีวิต หรือคนที่แต่งงานบางส่วนก็ไม่มีลูก เพราะคิดว่าเงินที่ตัวเองมีพอสร้างความฝันให้ลูกได้หรือไม่
โดยรวมแล้วคุณบี สรุปว่า Pain Point ของคนโสด คือ ความกล้า หรือบางทีความไม่ได้อยากมีแฟน จึงไม่ได้กระตือรือร้นที่จะเข้าไปจีบใคร
รูปลักษณ์ภายนอก นิสัย ทัศนคติดี คือสิ่งที่คนโสดมองหา
สเป็คที่คนโสดมองหา จะต่างกันออกไปตามเพศ และช่วงวัย ถ้าเป็นผู้หญิง ส่วนใหญ่จะมองหาผู้ชายที่มีความมั่นคง และเก่ง ส่วนผู้ชาย จะต้องการผู้หญิงที่รูปลักษณ์โดยรวม นิสัย และทันศคติ แต่ไม่ค่อยดูเรื่องการศึกษา หรือรายได้ ถ้ารูปลักษณ์ดี นิสัยและทัศนคติโอเค ก็พอใจแล้ว
กลุ่มชายรักชาย จะมองเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ชอบคนออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง ดูแมน ไม่สาว ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นรุก หรือรับ ล้วนมองหาคนที่ไม่สาวทั้งสิ้น ทำให้คนกลุ่มนี้จับคู่ให้ยาก
ในขณะที่กลุ่มผู้ชายที่มีฐานะจะมองข้ามเรื่อง ฐานะ การศึกษา หน้าที่การงานไปทั้งหมด เพราะอยากได้คนที่จะมาสร้างครอบครัวด้วยกัน จึงไม่อยากได้ผู้หญิงที่บ้างาน เพราะความต้องการในชีวิตคู่ไม่เหมือนกัน
ซักประวัติละเอียด ได้เจอคนที่ใช่ แม้ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย
คุณบีเล่าให้ฟังว่ารูปแบบการทำงานของ Bangkok Matching จะเริ่มตั้งแต่การซักประวัติโดยละเอียด สอบถามความต้องการว่าอยากได้คู่แบบไหน สเป็คเป็นอย่างไร แล้วจึงเสนอราคาค่าบริการ เมื่อชำระเงินแล้วก็จะนัดเข้ามาคุยกันที่สำนักงาน โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะจะต้องมีการตรวจสอบเอกสาร ยืนยันสิ่งที่อ้างทั้งหมด หลังจากนั้นจะมีการร่างโปรไฟล์ขึ้นมาใหม่ แล้วให้เจ้าของตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อเรียบร้อยก็เข้าสู่ขั้นตอนการจับคู่
ซึ่งการจับคู่หากอีกฝ่ายพอใจ ก็จะมีการให้เบอร์โทรศัพท์เพื่อนัดเจอกันทานข้าวตามร้านอาหารต่างๆ ส่วนในวันรุ่งขึ้นบริษัทจะมีการสอบถามความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ว่าการเดทกันในครั้งนั้นเป็นอย่างไร มีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจหรือไม่ เพื่อต้องการให้ทั้งสองฝ่ายสามารถปรับตัวได้ในเดทถัดๆ ไป เช่น คู่เดทหลบตา ไม่สนใจบทสนทนา เพราะมัวแต่เช็คอีเมล์
หน้าที่ไม่ได้จบแค่การออกเดท
หน้าที่ของบริษัทจัดหาคู่ไม่ได้จบแค่การออกเดท แล้วทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคบหากันเป็นแฟนเท่านั้น เพราะคุณบีเล่าให้ฟังว่า บางคู่มีปัญหากันหลังจากใช้บริการไปแล้ว ก็ต้องให้คำปรึกษา บางคู่คบกันเป็นแฟนไปแล้ว 2-3 ปี แต่กลับมาขอคำปรึกษากับ Bangkok Matching ก็มีเช่นกัน
พอถามถึงเรื่องค่าบริการ คุณบีเล่าว่า ค่าบริการในการจัดหาคู่ ไม่ได้กำหนดตายตัว แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการและสเป็คของแต่ละคน เช่น ถ้าผู้หญิงรายได้ 2 แสนบาทต่อเดือน อยากได้คู่ที่มีรายได้ 5 ล้านบาทต่อเดือน กับผู้หญิงอีกคนที่มีรายได้ 2 แสนบาทต่อเดือนเช่นกัน แต่อยากได้คู่ที่มีรายได้เท่าๆ กัน ค่าบริการก็จะไม่เท่ากัน
แต่ในภาพรวม ค่าบริการขั้นต่ำจะอยู่ที่ 40,000-50,000 บาท ต่อระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน ไม่ได้กำหนดว่าจะนัดออกเดทได้กี่ครั้ง
บริการจัดหาคู่ เหมือนกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก
คุณบียกตัวอย่างว่า หลายๆ คน ไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อหาคนที่เหมาะสมเข้ามาในชีวิต ก็เหมือนคนที่อยากมีลูก ก็จะใช้ความพยายามของตัวเองก่อน เมื่อความพยายามถึงที่สิ้นสุดแล้วจริงๆ จึงตัดสินใจปรึกษาหมอเพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพง เช่นเดียวกันกับคนที่ต้องการหาคู่ ในช่วงอายุ 25-27 มักจะพยายามด้วยตัวเองก่อน แต่จะตัดสินใจมาใช้บริการจัดหาคู่เมื่ออายุมากแล้ว แต่จะทำให้โอกาสที่จะได้คู่มีน้อย เพราะหลายๆ ครั้งผู้ชายก็อยากหาคู่เพื่อสร้างครอบครัวและมีลูก
โควิดทำคนเหงา ความต้องการหาคู่เดทเพิ่มขึ้น
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ มีรายได้ลดลง จนต้องลดเงินเดือนหรือปลดพนักงาน แตกต่างจากธุรกิจจัดหาคู่ ที่คุณบีเล่าว่า ยิ่งมีสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งทำให้คนเหงา กระตุ้นให้คนสนใจเข้ามาใช้บริการกับบริษัทมากขึ้น ซึ่งคุณบีคาดการณ์ว่าโควิด-19 ทำให้คนมีเวลาว่างช่วงทำงานที่บ้าน (Work From Home) เลยทำให้คนสนใจหาคู่เดทในช่วงนี้ นอกจากนี้ ฐานผู้ใช้บริการของ Bangkok Matching ส่วนใหญ่ อาจไม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ จึงสนใจที่จะใช้บริการ
สรุป
การหาแฟนในปัจจุบันเป็นเรื่องยาก กลายเป็น Pain Point ของคนโสด ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิต ที่ไม่รู้ว่าจะเจอคนที่ชอบได้อย่างไร เพศตรงข้ามในที่ทำงานมีน้อย ไม่กล้าเริ่มเข้าไปคุยกับคนอื่นๆ ในชีวิตจริง การใช้บริการจัดหาคู่จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นเหมือนบริการที่ช่วยคัดหาคนที่เราชอบตามความต้องการ แม้ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยก็ตาม แม้จะมีค่าบริการที่สูง แต่ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับใครหลายๆ คน
ที่มา – SCB EIC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา