กระแสการนำเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ มีมากขึ้นเรื่อย แม้แต่ Mark Zuckerberg เองยังนำมาพัฒนาเป็น Jarvis ดูแลระบบต่างๆ ภายในบ้าน ที่แม้จะเป็นเรื่องที่ทำมาสนุกๆ ภายในบ้าน แต่ก็ได้รับความสนใจไปทั่วโลก
คราวนี้ Mastercard จึงได้ประกาศเปิดตัว Decision Intelligence โซลูชั่นเพื่อบริการตรวจจับกลโกง และช่วยในการตัดสินใจที่มีความละเอียดสมบูรณ์ โดยนำเทคโนโลยี AI มาช่วยให้สถาบันและหน่วยงานทางการเงินต่างๆ สามารถตัดสินใจอนุมัติการใช้จ่ายผ่านบัตรได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในเวลาอันรวดเร็ว และช่วยลดความผิดพลาดในการปฏิเสธบัตรที่ควรจะใช้งานได้ตามปกติ
นี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับเครือข่าย Mastercard ทั่วโลก
โซลูชั่นใหม่ ตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Decision Intelligence เป็นวิถีทางใหม่ที่จะปฏิวัติวงการด้วยการมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเดิมมาก สามารถประเมินการตัดสินใจในภาพที่กว้างกว่า ผ่านการเรียนรู้จากรูปแบบและการให้คะแนนของการทำธุรกรรมในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นการถ่วงน้ำหนักคะแนนที่จะช่วยให้ระบบ AI ของผู้ออกบัตรสามารถปรับการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆสำหรับการทำธุรกรรมในครั้งต่อไป
จากเดิมการตัดสินใจในปัจจุบัน จะเน้นหลักด้านการประเมินความเสี่ยงเป็นสำคัญ โดยใช้วิธีให้คะแนนเทียบอิงจากกฏเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า
อาเจย์ ภัลลา ประธานฝ่ายความปลอดภัยและความเสี่ยงองค์กร Mastercard บอกว่า การใช้เทคโนโลยี AI ในเครือข่ายทั่วโลก ช่วยให้ผู้ค้า หน่วยงานและสถาบันการเงินต่างๆ มีอัตราการอนุมัติการใช้จ่ายบัตรที่ดียิ่งขึ้น และให้ลูกค้ามีความประทับใจในการใช้บัตรมากยิ่งขึ้น เป็นการแก้ปัญหาของผู้บริโภคในเรื่องของบัตรถูกปฏิเสธในขณะซื้อของ ทั้งๆ ที่บัตรยังควรใช้ได้ตามปกติ
Decision Intelligence ทำงานอย่างไร
Decision Intelligence เป็นการต่อยอดจากรูปแบบบริการที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะหลายอย่าง เป็นวิธีใหม่เพื่อแก้ปัญหาเดิม โดยการใช้อัลกอริธึมที่ละเอียดซับซ้อนผ่านระบบวิเคราะห์อันชาญฉลาด เพื่อมอบการวัดระดับคะแนนและข้อมูลที่วางใจได้ จากนั้น ผู้ออกบัตรสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบกับระบบลดกลโกงต่างๆ เพื่อให้การตัดสินใจมีความถูกต้อง แม่นยำ
อีกทางเลือกหนึ่งคือ ผู้ออกบัตรสามารถใช้โซลูชั่นเครื่องมือองค์รวมเบ็ดเสร็จของ Mastercard เพียงอย่างเดียว ที่สามารถมอบการตัดสินใจได้อย่างฉับพลันจากฐานข้อมูลที่มี และสามารถปรับให้เข้ากับบัญชีผู้ใช้แต่ละราย รวมถึงปรับรูปแบบการแจ้งเตือน และเกณฑ์การอนุมัติหรือปฏิเสธการใช้บัตรได้ตามต้องการอีกด้วย
เทคโนโลยีอัจฉริยะเบื้องหลัง Decision Intelligence จะตรวจสอบรูปแบบการใช้งานแยกจำเพาะตามแต่ละบัญชี เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของบัญชีนั้นว่ามีรูปแบบปกติเป็นเช่นไร จึงสามารถตรวจจับความผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำเช่นนี้ยังช่วยให้สามารถรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ด้านอื่นๆ ได้ด้วย เช่น การแยกส่วนตลาดตามมูลค่า การกำหนดรูปแบบความเสี่ยง ข้อมูลด้านสถานที่ ผู้ค้า อุปกรณ์ที่ใช้ ช่วงเวลา ตลอดจนประเภทของการใช้จ่ายบัตร
ใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าแตะ เสียบ หรือรูดบัตร
อุตสาหกรรมบัตรเครดิตให้ความสำคัญกับการคุ้มครองการใช้จ่าย และการป้องกันกลโกงต่างๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการอนุมัติการใช้จ่าย และการจัดการกับปัญหากลโกงต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
อัล ปาสกาล รองประธานอาวุโส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยและกลฉ้อฉล แห่ง Javelin Strategy & Research บอกว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว ปัญหาเรื่องการปฏิเสธบัตรผิดพลาดนั้นมีมูลค่าสูงกว่า 13 เท่าของมูลค่ารวมจากความเสียหายจริงๆ ที่เกิดจากกลโกงการใช้บัตร การนำระบบ AI มาใช้ ถือเป็นวิธีการใหม่ในการสร้างประสบการณ์ในเชิงบวกให้กับผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดเรื่องการฉ้อโกงลงได้
การเพิ่มเทคโนโลยี AI มาใส่ไว้ในหัวใจสำคัญของเครือข่าย Mastercard จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดเกณฑ์คะแนนเรื่องกลโกงต่างๆ ให้กับทุกๆ การทำธุรกรรม ฟังก์ชั่นใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความถูกต้องในการอนุมัติการใช้จ่ายผ่านบัตร และลดการปฏิเสธที่ผิดพลาดลงได้ ณ จุดทำธุรกรรม
ในอุตสาหกรรมจำเพาะบางอย่าง เช่น บริการน้ำมัน หรือเอทีเอ็ม ข้อมูลที่ได้จะสามารถนำมาใช้ประกอบการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยลง อย่างเช่น การเรียกเงินคืน
เทคโนโลยีนี้เป็นคุณสมบัติสำคัญของแพลตฟอร์ม World Elite ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังสามารถรองรับการใช้งานของทุกผลิตภัณฑ์ ทุกแบรนด์ ของ Mastercard ในทุกตลาดทั่วโลก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา