กระแสของเหล่า FinTech ทั่วโลกนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดประธานของธนาคารกลางสิงคโปร์ ได้ออกมาบอกถึงเรื่องกระแสความดังของ FinTech ที่อาจต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่จะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงมากขึ้น
ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะเป็นศูนย์กลางของ FinTech ในอาเซียนและในอาทิตย์หน้าจะมีงาน FinTech Festival ที่ธนาคารกลางสิงคโปร์เองนั้นเป็นเจ้าภาพจัดงาน แต่การที่ประธานธนาคารกลางของสิงคโปร์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง FinTech นี้ถือว่าต้องจับตามองไม่น้อยเลยทีเดียว
กลัวซ้ำรอยวิกฤตดอทคอม
“ผมเห็นฟองสบู่ใน FinTech บางส่วนแตก” และ “ผมเห็นบาง Application หรือบางแผนธุรกิจ (ของเหล่า FinTech – ผู้เขียน) นั้นดูแล้วทำเกินตัวเองไปมาก” นี่คือบทสัมภาษณ์บางส่วนจากประธานธนาคารกลางสิงคโปร์ ซึ่งมีความกังวลว่า FinTech นั้นจะเหมือนยุคที่ฟองสบู่บริษัทเทคโนโลยีแตก ซึ่งตัวเขาเองหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุค FinTech ครองเมืองจะไม่เหมือนยุคฟองสบู่บริษัทเทคโนโลยีแตก
P2P Lending ดูน่าเป็นห่วงที่สุด
ประธานธนาคารกลางสิงคโปร์เป็นห่วง FinTech อีกเรื่อง คือ P2P Lending คือการกู้เงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีผู้ที่อยากกู้เงินกับผู้ที่ปล่อยกู้เงินมาเจอกัน ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มนั้นๆ จะเก็บค่าธรรมเนียมเป็นรายได้หลัก หรือไม่ก็กินส่วนต่างดอกเบี้ย (ยกตัวอย่างเช่น ) P2P Lending นั้นกำลังเติบโตอย่างร้อนแรงมากในเอเชีย (แต่ในประเทศไทยยังไม่มีใครที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากทางแบงค์ชาติ) ซึ่งในจีนนั้นเติบโตสูงที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงเพราะว่ามีแพลตฟอร์มประเภทนี้ปิดตัวไปถึง 4,000 แห่ง แถมบางแห่งยังเป็นแชร์ลูกโซ่อีกต่างหาก
ความเสี่ยงจากการใช้ Big Data แบบผิดรูปแบบ
อย่างเช่นใน P2P Lending ที่ใช้ Big Data ในการทำเครดิตรายบุคคลว่าผู้ใช้แต่ละรายนั้นควรจะกู้เงินได้เท่าไหร่ ความเสี่ยงคืออะไรจากการดูพฤติกรรมในการใช้โทรศัพท์มือถือ หรือการใช้อินเตอร์เน็ตของผู้ใช้รายนั้นๆ โดยประธานธนาคารกลางสิงคโปร์ได้กล่าวว่า การใช้ Big Data ในการประมวลผลเรื่องเหล่านี้นั้นอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดมหาศาลได้ ถ้าใช้ Big Data ในการวิเคราะห์แบบผิดวิธี แต่เขาก็คิดว่า Big Data นั้นมีประโยชน์มาก เช่นไว้ดูว่าลูกค้าต้องการอะไรดีกว่าเอามาวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจผิดพลาดได้สูง
ตัวเขาเองสนใจในเทคโนโลยีของ Cryptocurrency
ประธานธนาคารกลางสิงคโปร์นั้นสนใจในเทคโนโลยีของฝั่ง Cryptocurrency เป็นอย่างมาก (เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดตัวเขาเองไม่ได้กล่าวถึงเรื่อง Bitcoin – ผู้เขียน) โดยเฉพาะเรื่องการเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง โดยเขาคิดว่าถ้าเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในทางปฏิบัติในชีวิตจริงๆ ถือว่าน่าสนใจมาก
เราต้องทดลอง (ไปเรื่อยๆ) และเปิดใจให้กว้าง
เขาเชื่อว่า FinTech นั้นยังเป็นอนาคตของวงการเงิน แต่ก็ต้องแยกแยะ ไม่ใช่มองทั้งหมด ซึ่งธนาคารกลางของสิงคโปร์นั้นกำลังทดลองสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างเช่น Project Ubin ที่ใช้ Blockchain รวมถึงจัดงาน FinTech Festival ที่จะเกิดขึ้นด้วย ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกดูเป็นอย่างๆ ไปด้วย อย่างที่ประธานธนาคารกลางสิงคโปร์กล่าวไว้ข้างต้น
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา