Mark Zuckerberg เชื่อ AI เป็นเพื่อนมนุษย์ได้ นักจิตบอก ความสัมพันธ์ปลอมๆ Meta แค่อยากขายของรึเปล่า?

“หนูมีเพื่อนชื่ออะไรที่หนูรักมากๆ เลย ที่หนูเล่นด้วยกันตลอด”

“…หนูเล่นคนเดียว”

Mark Zuckerberg

บนโลกที่ AI กำลังมีบทบาทในชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวช่วยในการทำงาน เพื่อนคุยแก้เหงา หรือแม้กระทั่งนักจิตบำบัด ‘Mark Zuckerberg’ มองว่า ในอนาคต คนจะเป็นเพื่อนกับ AI มากขึ้น

จากพ็อดแคสต์กับ ‘Dwarkesh Patel’ ยูทูบเบอร์ผู้ติดตามกว่า 8 แสนคน Zuckerberg เล่าว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คนอเมริกันมีเพื่อนน้อยกว่า 3 คน แต่พวกเขายังต้องการมากกว่านั้น อาจอยากมีเพื่อนมากถึง 15 คนเลย

ที่ผ่านมา Zuckerberg ก็เห็นคนใช้ ‘Meta AI’ เป็นตัวช่วยในการตอบหรือคิดบทสนทนามาโดยตลอด เช่น “ผมมีปัญหากับแฟน ช่วยคิดบทพูดกับเธอที?” หรือ “ฉันต้องคุยเรื่องน่าหนักใจกับเจ้านาย ฉันจะเริ่มอย่างไรดี?”

เอาจริงๆ ในการใช้งานแบบนี้ มันก็มีประโยชน์ และยิ่งคุณใช้งานมันบ่อยเท่าไร AI จะยิ่งรู้จักตัวตนของคุณมากขึ้น และหาคำตอบที่โดนใจคุณได้มากกว่าเดิม

Zuckerberg เชื่อว่า ณ จุดหนึ่งของชีวิต คนคงคิดกันว่า เอาล่ะ ฉันยุ่งมาก ไม่อยากสุงสิงกับคนอีกต่อไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังอยากมีเพื่อนมากขึ้น จนอาจเกิดเป็นคำถามว่า “เราจะเอา AI มาเป็นเพื่อน แทนการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในชีวิตจริงหรือ?”

จากคำถามนี้ Zuckerberg มองว่า คงไม่ เพราะการสร้างความสัมพันธ์จะดีกว่า หากเกิดขึ้นกับอะไรที่จับต้องได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ยังมีเพื่อนไม่เยอะเท่าที่ต้องการ และยังรู้สึกเหงามากกว่าที่ควร

ดังนั้น Zuckerberg เลยคิดว่า หลายๆ อย่างที่ผู้คนมองว่าเป็นเรื่องเลวร้ายในตอนนี้ อาจกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากๆ ในอนาคต ซึ่งอาจตีความได้ว่า ต่อให้ปัจจุบัน คนอาจมอง AI ในแง่ลบ แต่อีกไม่นาน พวกเขาจะรู้ว่า ปัญญาประดิษฐ์จะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในชีวิต

ไม่เสพติดหรอก เดี๋ยวอนาคตโลกความเป็นจริงกับโลกดิจิทัลต้องผสมกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม Zuckerberg บอกว่า วงการนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น และพวก AI เพื่อนยาก ก็ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไร เพราะถ้าสังเกตดีๆ เวลาเปิดเว็บไซต์ที่ให้คนสนทนากับ AI ผู้ใช้งานจะเห็นแค่ภาพของนักจิตวิทยาหรือคู่สนทนาเท่านั้น มากสุดคืออาจเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ยังไม่ธรรมชาติพอ

ด้วยเหตุนี้ Meta จึงพยายามพัฒนาอวาตาร์บนแพลตฟอร์มให้เหมือนกับคนจริงๆ มากขึ้น โดยอยากให้ผู้ใช้งานสามารถวิดีโอคอลกับ AI ที่เปิดกล้องตลอดเวลา แถมยังมีท่าทางหรืออากัปกิริยาเหมือนกับมนุษย์

ขณะเดียวกัน Patel ก็มีโอกาสได้เข้าไปดูผลงานของ Meta และมองว่า มันเจ๋งดีนะ ดูมีโอกาสมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เขากังวลคือ ตัวอย่างที่ทีมงานของบริษัทโชว์ให้ดูมากกว่า

สิ่งที่ Patel เห็นคือ ตนเองนั่งทานข้าวเช้าอยู่ และตรงหน้าคือ Reels แบบลอยๆ ไม่ได้อยู่บนหน้าจอใดๆ แต่กำลังไหลไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นแบคกราวน์ แถมเขายังพูดติดตลกอีกว่า เผลอๆ ในอนาคตอาจมี AI แฟนสาวมานั่งอยู่ข้างๆ 

จากเดโมที่ Patel เห็น เขาเลยกังวลว่า ในอีก 5 ปี ความเสมือนจริงและความลื่นไหลของ AI จะทำให้คนเสพติดประสบการณ์เหล่านี้ หรือต้านทานพวกมันยากขึ้นเปล่า? 

หลังจากได้ยินคำถาม คำตอบของ Zuckerberg คือ เขาเชื่อว่ามนุษย์รู้ดีว่าตนเองต้องการอะไร และสิ่งที่ Patel เห็น ก็เป็นแค่ตัวอย่างที่จัดทำขึ้นมา เพื่อโชว์ศักยภาพของโฮโลแกรมและความสามารถในการทำงานที่หลากหลายเท่านั้น

Zuckerberg เห็นด้วยว่า ในอนาคต วิสัยทัศน์ของเรา ไม่ควรมีแต่อะไรที่จะมาคอยแย่งความสนใจอยู่ตลอด ซึ่งเขายกตัวอย่างแว่น ‘Ray-Ban Meta’ ขึ้นมาว่า มันเป็นอุปกรณ์ AI ที่คนสามารถเอามาใช้ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ ถ่ายรูป และถ่ายวิดีโอได้ แต่เมื่อไม่ต้องการใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้แล้ว มันก็เป็นแค่แว่นเท่ๆ อันหนึ่ง

ในมุมของ Zuckerberg ตอนนี้ พวกเราอยู่ในจุดของเทคโนโลยีที่โลกกายภาพและโลกดิจิทัลต้องผสานเข้าหากันโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่โฮโลแกรมสามารถทำให้มนุษย์ได้

“ถ้าผมอยากให้คุณดูอะไรสักอย่าง ก็เนี่ย ดูหน้าจอสิ เราสามารถปฏิสัมพันธ์กับมันได้ มันอาจเป็น 3 มิติก็ได้ เราสามารถเล่นกับมัน หรือคุณอยากเล่นไพ่หรอ? นี่ไง กองไพ่ เราเล่นกับมันได้ เราสองคนอาจเล่นด้วยกันต่อหน้า แต่อาจจะมีเพื่อนคนที่สามเข้ามาแจมผ่านโฮโลแกรม” นี่คือสิ่งที่ Zuckerberg วาดฝันไว้

นักจิตวิทยาบอก คนปกติมีเพื่อนแค่ 3-4 คนก็พอแล้ว และ AI มาแทนเพื่อนมนุษย์ไม่ได้

Robot
Photo by Alex Knight on Unsplash

ถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเชื่อฟัง Zuckerberg ก็อาจเอาเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อยู่ แต่หากพูดเรื่อง ‘เพื่อน’ บางทีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะอาจมีมุมมองที่แม่นยำกว่า

‘Omri Gillath’ ศาสตราจารย์คณะจิตวิทยาประจำมหาวิทยาลัยแคนซัส บอกว่า มนุษย์เรามีเพื่อนสนิทแค่ 3-4 คนก็เกินพอแล้ว ขณะที่นักจิตวิทยาอีกหลายๆ ท่านเชื่อว่า บนโลกนี้ ไม่มี ‘จำนวนเพื่อน’ ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนหรอก

Gillath ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของ Zuckerberg ที่ว่า ในอนาคต คนเราจะเริ่มเห็นคุณค่าของ AI ในความสัมพันธ์มากขึ้น เพราะแนวคิดเรื่อง AI จะมาแทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ ไม่ได้ถูกอ้างอิงจากงานวิจัยชิ้นไหนๆ เลย

Gillath มองว่า AI อาจจะมีประโยชน์แค่นิดหน่อยเท่านั้น เพราะมันพร้อมตอบเราตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังสุภาพและคุยดีด้วย แต่ถ้าคุณต้องการความสัมพันธ์ระยะยาวที่มีความหมายจริงๆ ปัญญาประดิษฐ์ก็เข้ามาแทนมนุษย์ไม่ได้

ไม่นานมานี้ ‘The New York Times’ เพิ่งรายงานไปว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งตกหลุมรัก ChatGPT เข้าอย่างจัง ซึ่ง Gillath บอกว่า เมื่อ AI ไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกได้ สุดท้ายความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นแค่เรื่องปลอมๆ และว่างเปล่า

ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีงานวิจัยพบว่าเด็กๆ ที่ใช้ AI มีความวิตกกังวลและซึมเศร้ามากกว่าเด็กคนอื่นๆ เนื่องจากขาดทักษะการเข้าสังคม

Gillath แนะนำว่า ให้ใช้ AI เพื่อฝึกเข้าสังคมได้ แต่อย่าเอามันมาทดแทน และต้องเอาให้ชัวร์ด้วยว่า เวลาที่ใช้ไปกับพวกมันไม่ได้กำลังแย่งเวลาที่พวกคุณจะใช้ไปกับคนจริงๆ

Mark พูดได้เพราะตัวเองเป็นพ่อค้าไม่ใช่หรอ?

นอกจากนี้ ‘Emma Brockes’ นักเขียนคอลัมน์ของ The Guardian ยังบอกว่า ปัญหาของสิ่งที่ Zuckerberg พูดในพ็อดแคสต์คือ สำหรับเขาแล้ว ความสัมพันธ์กับ AI มีคุณค่าเทียบเท่ากับความสัมพันธ์ของมนุษย์ 

Brockes มองว่า ‘คุณค่า’ ที่ Zuckerberg พูดถึง ไม่ได้หมายความว่า ในอนาคต AI จะถูกพัฒนาให้ใกล้เคียงกับความสนิทชิดเชื้อของมนุษย์ เหมือนกับที่ตุ๊กตายางเคยทำไว้ในช่วง 1970s 

แต่เขาหมายถึง ในอนาคต ผู้คนจะไม่แคร์ความหมายของคำว่า “มนุษย์” “ความเข้าใจ” และ “ความสัมพันธ์” เลยต่างหาก ซึ่งเขาพูดแบบนั้นได้ เพราะบริษัทเขากำลังขายผลิตภัณฑ์พวกนี้ยังไงล่ะ

ในปี 2006 Zuckerberg ก็เคยพูดอะไรเวอร์ๆ แบบนี้ตอนเปิดตัว Facebook โดยบอกว่า การปฏิสัมพันธ์บนโลกออนไลน์นั้นดีเทียบเท่าหรือเผลอๆ ดีกว่าการคุยกันในชีวิตจริงอีก

ด้าน Gillath เตือนว่า ต่อให้ Zuckerberg จะคุยโวถึงประโยชน์ของ AI มากมาย ต้องอย่าลืมด้วยว่า บริษัทพวกนี้มีจุดประสงค์แอบแฝงเสมอ และพวกเขาพยายามจะหาเงิน

ถามว่า AI ช่วยลดความเหงาได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ถ้าถามว่า AI จะพาเราไปรู้จักคนอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งอาจกลายเป็นคนที่เราแต่งงานด้วย ไปปีนเขาด้วย หรือเสนองานดีๆ ให้เราในอนาคตด้วยได้ไหม คำตอบก็คือไม่

Brockes บอกว่า ต่อให้คุณจะรู้สึกว่า ตัวเองมีความสัมพันธ์กับ AI สุดท้าย เวลาคุยกับมัน คุณก็อยู่ตัวคนเดียวในห้องนะ

ถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่า แล้วทำไม Zuckerberg ถึงพูดอะไรแบบนั้น ลองนึกสภาพดูว่า หากคุณไปร้านอาหาร แล้วถามเจ้าของร้านว่า เมนูนี้อร่อยไหม เขาจะกล้าตอบหรอว่า มันก็งั้นๆ อะพี่ สั่งไม่สั่งก็ได้ แล้วแต่

สถานการณ์นี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อ Patel ถาม Zuckerberg ถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับ AI โดยที่เจ้าตัวเป็นเจ้าของบริษัท Meta และกำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้อง เป็นคุณ คุณจะตอบว่าอะไร?

ที่มา: YouTube, CNBC, The Guardian

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา