หลังเปิดฤดูกาลมา 6 นัด Manchester United กลับคว้าไปเพียง 8 แต้ม ถือเป็นการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ และถูกแฟนๆ กดดันเรื่องเน้นแต่ยอดขายเติบโต ไม่ยอมดูแลผลงานในสนาม จนล่าสุดทางทีมต้องออกแถลงการณ์ชี้แจง
เน้นขายจนถูกมองว่าไม่สนผลการแข่งขัน
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 ทีม Manchester United ก็ไม่ใกล้เคียงตำแหน่งแชมป์ลีกฟุตบอลอังกฤษแม้แต่น้อย ถึงฤดูกาล 2017-18 จะขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ตอนจบ แต่ก็ตามหลังทีมร่วมเมืองอย่าง Manchester City ถึง 19 แต้ม และการได้แชมป์รายการ Europa League มันก็เทียบศักดิ์ศรีกับ Champion League ไม่ได้เลย
เมื่อผลงานย่ำแย่ขนาดนี้ และฤดูกาลล่าสุดก็เหมือนจะกู่ไม่กลับ จึงไม่แปลกที่แฟนๆ ของทีมจะแสดงถึงความไม่พอใจ โดยเริ่มมีบางส่วนชี้ให้เห็นว่า Manchester United เน้นแต่เรื่องยอดขายเติบโต ไม่มาเน้นผลงานในสนาม หรือเรียกง่ายๆ ว่า “บอลแพ้ไม่เป็นไร ขายเสื้อได้กำไรก็พอ”
เดิมที Manchester United มีโครงสร้างธุรกิจ 3 ส่วนคือ Matchday หรือการขายตั๋วเข้าชมการแข่งขันถึงครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็น Commercial หรือการขายสินค้า กับ Broadcasting หรือค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดอย่างละครึ่ง แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว Commercial กลายเป็นครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็น Matchday กับ Broadcasting เท่ากัน
ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าผลงานคือเรื่องสำคัญ
อย่างไรก็ตามเมื่ออ้างอิงจากตัวเลขมูลค่าหุ้นของ Manchester United จะพบว่า ผลการแข่งขันที่ไม่ดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนลดความเชื่อมั่น อ้างอิงจากตัวเลขมูลค่าที่ลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ถึงยอดขายจะเติบโตดี แต่กำไรสุทธิ์กลับลดลงต่อเนื่อง จนจบปีปฏิทิน 2018 Manchester United ขาดทุนถึง 37 ล้านปอนด์ (ราว 1,400 ล้านบาท)
พอทุกอย่างมันวิกฤติขนาดนี้ ทางทีมงานสโมสรก็ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย โดยสรุปเนื้อหาใจความได้ว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีม หรือตั้งแต่เจ้าของสโมสร จนถึงนักเตะ ต่างให้ความสำคัญกับผลงานในสนามมากที่สุด และยืนยันจะลงทุนเพื่อพัฒนาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนปั้นเด็กจากศูนย์ฝึกเยาวชน และรายได้ที่มาจากการจำหน่ายสินค้าต่างๆ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในสนามเป็นหลัก ไม่ใช่นำไปเพื่อต่อยอดแผนธุรกิจ ที่สำคัญทางทีมยืนยันว่าไม่เคยศึกษา หรือซื้อผู้เล่นโดยอ้างเหตุผลเรื่องการค้า และนักเตะที่ซื้อเข้ามาถูกคนเป็นการตัดสินใจโดยฝั่งผู้จัดการทีม ไม่ใช่ฝั่งผู้บริหาร
พร้อมเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นเพื่อชัยชนะ
ขณะเดียวกันทางทีมยังพร้อมแต่งตั้งผู้อำนวยการเทคนิค และนำความเห็นของแฟนคลับทั่วโลกมาพิจารณาเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์บนสนาม เพื่อวางตำแหน่งได้ถูกต้องที่สุด และพัฒนาแนวทางการเล่นร่วมกับแฟนบอลอีกด้วย ส่วนเรื่องการเฟ้นหานักเตะนั้น ทางทีมก็มีทีมงานมืออาชีพคอยรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นกัน
ดังนั้นพอทุกอย่างมาจากการตัดสินใจโดยทีมงานสต๊าฟโค้ช ไม่ใช่ฝั่งผู้บริหาร ทำให้การันตีได้ว่าจะไม่มีการซื้อนักเตะ หรือวางกลยุทธ์เพื่อเน้นไปทางการค้า มากกว่าผลงานในสนาม ซึ่งน่าจะเห็นได้จากการซื้อตัวในฤดูกาลนี้ว่ามันมาจากความต้องการของโค้ชจริงๆ ไม่ใช่จากฝั่งผู้บริหาร
ส่วนเรื่องเงินทุนการซื้อนักเตะหลังจากนี้ ทางทีม Manchester United ก็พร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ผลงานในลีก และฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ นั้นกลับมาโดดเด่นจนเป็นที่ต้องการของแฟนบอลทุกคน แสดงให้เห็นว่าทุกบาททุกสตางค์นั้นลงไปกับเรื่องผลการแข่งขันจริงๆ
สรุป
เมื่อทีมฟุตบอล หรือทีมกีฬาไหนๆ ชนะการแข่งขันบ่อยๆ ก็ไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับการทำธุรกิจทีมฟุตบอลโดยเอาธุรกิจนำ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว โอกาสที่จะได้รับความนิยมก็แทบไม่มี ผ่านการเน้นขายเสื้อ ขายของ มากกว่าผลการแข่งขัน ดังนั้นคงต้องดูกันต่อไปว่า Manchester United จะลบภาพเดิมๆ นี้ได้หรือไม่
อ้างอิง // Daily Mail, Bloomberg, Manchester United
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา