สหพัฒนพิบูล เจ้าของผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ได้เปิดเผยว่ายอดขายในครึ่งปีแรกของปี 62 เติบโตมากกว่าที่คาดไว้ ปัจจัยมาจาก บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รสชาติใหม่
เวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. สหพัฒนพิบูล กล่าวว่า ภาพรวมของมาม่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายรวมอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท เติบโตจากครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมาถึง 11.6% เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่การเติบโตครึ่งปีแรกของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโตเพียง 6.5% โดยปัจจุบันมาม่ามีส่วนแบ่งการตลาดถึง 51%
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของมาม่าเติบโตได้มาจาก ยอดขายในกลุ่มพรีเมี่ยม (มาม่า OK) ที่ขายซองละ 15 บาท ที่สามารถแย่งตลาดมาจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศที่ขายราคาแพงกว่า อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมองว่าทำให้รากหญ้ามีกำลังซื้อเพิ่ม ส่งผลให้ยอดขายมาม่านั้นเติบโตตามไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากมาม่าเป็นสินค้าหนึ่งที่ผู้มีบัตรบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนิยมซื้อ
เวทิต ยังได้กล่าวกับผู้จัดการออนไลน์ว่า “ปกติที่ผ่านมามาม่าต้องพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ให้มากที่สุดนานที่สุดก็เก่งแล้ว จากตลาดรวมที่มีการแข่งขันกันสูงมาก แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปีที่มาม่าเกิดขึ้นมาเลยก็ว่าได้”
การเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นของยอดขาย ทำให้บริษัทต้องขยายกำลังการผลิตโดยการลงทุนเครื่องจักรใหม่ โดยสามารถผลิตได้ 50,000 หีบต่อปี จากเดิม 16,000 หีบต่อปี
นอกจากนี้ทางบริษัทได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะ มาม่า OK รวมไปถึงต่อยอดสินค้าเดิม เช่น มาม่าข้าวต้มคัพ 3 รสชาติใหม่ ไม่ว่าจะเป็น รสซุปไข่สาหร่าย รสกุ้งกระเทียม รวมไปถึงรสเล้งแซบ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เวทิต ได้ย้ำว่า “มาม่าไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจแต่อย่างใด แต่ว่าเมื่อเศรษฐกิจดีมาม่าก็มียอดขายเติบโตมาก เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีมาม่าก็โตน้อย”
ที่มา – หนังสือพิมพ์ข่าวสด, ผู้จัดการออนไลน์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา