มาเลเซียหวังโค่นไทยเรื่อง “ทุเรียน” เพราะได้ทำข้อตกลงกับจีนแล้ว ปีนี้ส่งขายเต็มรูปแบบ

หรือว่าไทยจะเสียแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนให้กับมาเลเซีย ?

Durain ทุเรียน
ทุเรียน Photo: Shutterstock

มาเลเซียอาจโค่นไทย และกลายเป็นแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีน

ใครๆ ก็รู้ว่า ตลาดนำเข้าทุเรียนในจีนใหญ่โตมโหฬาร อย่างในปี 2017 มีจำนวนมากถึง 3.5 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 15%

แน่นอนว่า ในปัจจุบันแชมป์ส่งออกทุเรียนไปยังจีนคือ “ไทย” เพราะครอบครองส่วนแบ่งอยู่ถึง 40% ส่วนมาเลเซียยังถือว่าห่างไกลนัก ครอบครองตลาดเพียง 10% เท่านั้น

  • พูดง่ายๆ คือหากมีทุเรียนส่งไปขายที่จีน 10 ลูก มีเพียง 1 ลูกเท่านั้นที่มาจากมาเลเซีย (อันที่จริงเรื่องนี้เข้าใจได้ เพราะจีนรับซื้อเฉพาะทุเรียนแช่แข็งจากมาเลเซียเท่านั้น)

แต่เกมนี้อาจพลิกก็ได้ เพราะเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2018 รัฐบาลมาเลเซียได้ทำข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลจีน เพื่อตกลงกันใหม่ว่าต่อจากนี้ไปจีนจะรับซื้อทุเรียนจากมาเลเซียมากขึ้น และไม่ใช่แค่ทุเรียนแช่แข็งเท่านั้น เพราะจะขายเป็นลูกได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้การส่งทุเรียนของมาเลเซียไปขายยังจีนแบบเต็มรูปแบบจะเริ่มต้นในปลายปี 2019 นี้เป็นต้นไป

Wan Mun-hoe กรรมการผู้จัดการของบริษัททุเรียนในมาเลเซียชื่อ Newleaf Plantation Berhad ผู้ผลิตทุกเรียนชั้นดีชื่อดังอย่าง “Musang King” (มีชื่อเท่ๆ ในวงการว่าเป็น Hermès แห่งทุเรียน เพราะราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท) บอกว่า แม้ราคาทุเรียนของมาเลเซียจะมีราคาแพงกว่าไทย แต่ความต้องการบริโภคของจีนมีสูงมาก รวมถึงเศรษฐกิจจีนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดจีนยังคงมีความต้องการอีกมาก ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องกำลังซื้อของตลาด เพราะมีแน่และมีอย่างมหาศาลด้วย

  • Wan บอกว่า บริษัทของเขาเองได้ใช้ระบบฟาร์มอัจฉริยะ (intelligent farming system) เพื่อผลิตทุเรียนให้มีคุณภาพเพื่อส่งออกไปยังตลาดจีน
  • นอกจากนั้นฟาร์มของเขามี QR Code ประจำต้นทุเรียน เพื่อทำให้ง่ายต่อการ track ข้อมูลในการบำรุงรักษา
  • ส่วนในภาพใหญ่รัฐบาลมาเลเซียเอง ก็ได้วางแผนปลูกทุเรียนขนาดใหญ่ (large-scale durian plantations) อย่างเป็นระบบ เช่น ส่งเสริมให้เกษตรกรเตรียมพื้นที่เพื่อปลูกทุเรียนส่งออก

นี่เป็นปัจจัยที่จะทำให้อนาคตของทุเรียนมาเลเซียเพื่อการส่งออกไปจีนน่าจะสดใสได้อีกมาก แต่จะโค่นไทยได้หรือเปล่า ต้องรอดู

ทุเรียน Durian
การซื้อขายทุเรียนในมาเลเซีย Photo: Shutterstock

ที่มา – South China Morning Post

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา